VMware Cloud ปรับปรุงฟีเจอร์การปกป้องที่เหนือชั้นให้องค์กรที่ใช้ Multi-Cloud

VMware Cloud

วีเอ็มแวร์ คลาวด์ (VMware Cloud) เพิ่มประสิทธิภาพ ให้การปกป้องด้วยฟีเจอร์ และเทคโนโลยีที่เหนือชั้นสำหรับองค์กรที่ใช้มัลติคลาวด์ (Multi-Cloud)…

highlight

  • วีเอ็มแวร์ เปิดตัวพัฒนาการขั้นถัดไปของ วีเอ็มแวร์ คลาวด์ (VMware Cloud) เสริมศักยภาพให้กับลูกค้าด้วยเอดิชั่นและฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่จะช่วยปรับปรุงระบบให้ทันสมัย เพิ่มประสิทธิภาพ และปกป้ององค์กรได้ดียิ่งขึ้น วีเอ็มแวร์ คลาวด์ จะช่วยให้ลูกค้าสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมได้ฉับไว ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ยกระดับการป้องกันภัยคุกคาม และกู้คืนระบบจากการโจมตีของแรนซัมแวร์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้

VMware Cloud ปรับปรุงฟีเจอร์การปกป้องที่เหนือชั้นให้องค์กรที่ใช้ MultiCloud

กริช ปราสาท รองประธานอาวุโส และผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ ของ วีเอ็มแวร์ กล่าวว่า วีเอ็มแวร์ คลาวด์ สร้างมาตรฐานใหม่สำหรับการช่วยให้ลูกค้าปรับปรุงระบบให้ทันสมัย เพิ่มประสิทธิภาพ และปกป้องธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น

ความก้าวหน้าล่าสุดของ วีเอ็มแวร์ คลาวด์ จะช่วยปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น พร้อมกับนำเสนอโมเดลการจัดการระบบคลาวด์เดี่ยวซึ่งจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของนักพัฒนา และยกระดับการรักษาความปลอดภัย

วีเอ็มแวร์ คลาวด์” มอบความยืดหยุ่น รองรับการปรับใช้เทคโนโลยีคลาวด์ทุกรูปแบบ

VMware Cloud

วีเอ็มแวร์ คลาวด์ ประกอบด้วยซอฟต์แวร์ Cloud Foundation และบริการ Cloud Services โดย Cloud Foundation เป็นการผสานรวมนวัตกรรมที่ดีที่สุดจากซอฟต์แวร์ทั้งแบบติดตั้งภายในองค์กร และที่ให้บริการซอฟต์แวร์บนพับบลิกคลาวด์ของ วีเอ็มแวร์ บนรูปแบบผสมผสานแบบ Unified

เพื่อส่งมอบสภาพแวดล้อมที่มีความสอดคล้องกัน เหมือนกัน ครอบคลุมทั้งระบบที่ติดตั้งภายในองค์กร, ระบบคลาวด์ที่เป็นไฮเปอร์สเกลเลอร์ และสภาพแวดล้อมคลาวด์ของพันธมิตรของวีเอ็มแวร์ บริการ วีเอ็มแวร์ คลาวด์ ช่วยลดความยุ่งยากในการปรับใช้ และการจัดการสภาพแวดล้อม Cloud Foundation บนแพลตฟอร์มคลาวด์

หรือสภาพแวดล้อมภายในองค์กร ลูกค้าสามารถใช้ประโยชน์จากบริการ วีเอ็มแวร์ คลาวด์ เพื่อรันเวิร์กโหลดขององค์กรได้อย่างปลอดภัยมากขึ้นตามขนาดที่ต้องการ ด้วยการปกป้องข้อมูลขั้นสูง การกู้คืนระบบบนคลาวด์ในกรณีที่เกิดภัยพิบัติหรือการโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ รวมไปถึงระบบเครือข่ายมัลติคลาวด์ และระบบรักษาความปลอดภัย  

นอกจากนี้ ยังมีบริการขั้นสูงสำหรับนักพัฒนา, Kubernetes ที่ติดตั้งมาแล้วในตัว และการเข้าถึงที่ได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพในการเข้าถึงบริการคลาวด์แบบเนทีฟหลายร้อยบริการจากผู้ให้บริการระดับไฮเปอร์สเกลเลอร์ชั้นนำ เสมือนอยู่ศูนย์ข้อมูลเดียวกัน ซึ่งทั้งหมดนี้จะรองรับการปรับปรุงแอปให้ทันสมัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วีเอ็มแวร์ คลาวด์ พร้อมให้บริการแล้ว 5 เวอร์ชั่น (Essentials, Standard, Pro, Advanced, Enterprise) โดยจะช่วยให้ลูกค้าปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและระบบจัดการให้ทันสมัยได้อย่างยืดหยุ่นในทุกขั้นตอนของการปรับเปลี่ยนไปสู่แพลตฟอร์มคลาวด์ ลูกค้าสามารถติดตั้ง และจัดการสภาพแวดล้อม วีเอ็มแวร์ คลาวด์ ได้ 3 วิธี ได้แก่

  • จัดการโดยลูกค้า (ลูกค้าดูแลเองทั้งหมด) : ลูกค้าติดตั้งซอร์ฟแวร์ วีเอ็มแวร์ คลาวด์ ในดาต้าเซ็นเตอร์ของตนเองหรือของพาร์ทเนอร์ที่ให้บริการโคโลเคชั่น โดยที่ลูกค้าสามารถควบคุมสภาพแวดล้อมโครงสร้างพื้นฐานได้อย่างเต็มรูปแบบ
  • จัดการโดยวีเอ็มแวร์ (วีเอ็มแวร์เป็นผู้ดูแลให้): วีเอ็มแวร์ คลาวด์ บน AWS คือบริการคลาวด์ที่จัดการโดยวีเอ็มแวร์ พร้อมด้วยฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์แบบครบวงจร วีเอ็มแวร์ คลาวด์ on Equinix Metal เป็นบริการคลาวด์แบบกระจายที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถซื้อซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ในรูปแบบของบริการที่แยกออกจากกันเพื่อความยืดหยุ่นสูงสุด
  • จัดการโดยผู้ให้บริการ (ผู้ให้บริการคลาด์เป็นผู้ดูแลให้) : บริการใหม่ VMware Cross-Cloud Managed Services ซึ่งใช้ วีเอ็มแวร์ คลาวด์ โดยเป็นบริการจากพาร์ทเนอร์ เช่น IBM Cloud ช่วยให้ลูกค้าสามารถลดค่าใช้จ่ายโดยรวมในการดูแลรักษาระบบ (TCO) สำหรับสภาพแวดล้อมภายในองค์กร ลดความซับซ้อนในการดำเนินงาน ลดความเสี่ยงด้วยความสามารถในการตรวจสอบอย่างทั่วถึง ข้อมูลเชิงลึกที่นำไปใช้ได้จริง และการเพิ่มประสิทธิภาพ ทั้งยังเพิ่มความรวดเร็วในการโยกย้ายระบบคลาวด์

NSX+ บริการเครือข่ายมัลติคลาวด์ การรักษาความปลอดภัย และบริการนักพัฒนาสำหรับ “วีเอ็มแวร์ คลาวด์” 

VMware Cloud

วีเอ็มแวร์ เป็นผู้นำด้าน SDN สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ โดยครองส่วนแบ่งตลาด 70% ในปี 2565 และ วีเอ็มแวร์ NSX ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) ได้มากกว่า 60% จากบริการอัตโนมัติและการจัดการระบบฮาร์ดแวร์ที่ลดลง

และประหยัดค่าใช้จ่ายได้ 66% สำหรับการดำเนินงาน การดูแลหลังจากติดตั้ง (Day 0-22) ) ส่วน วีเอ็มแวร์ NSXที่เปิดตัวในวันนี้คือบริการจัดการคลาวด์ใหม่ล่าสุดของ NSX สำหรับสภาพแวดล้อมมัลติคลาวด์ (เดิมคือ Project NorthStar ที่ประกาศไปเมื่อปีก่อน) บริการนี้จะยกระดับความสามารถด้านเครือข่ายหลัก

และการรักษาความปลอดภัยสำหรับ วีเอ็มแวร์ คลาวด์ ด้วยโมเดลการบริหารจัดการแบบซิงเกิลคลาวด์ที่ช่วย ลดจำนวน Tickets ให้เป็นศูนย์, ลดการใช้งานอุปกรณ์ที่ต้องการการปรับแต่ง หรือ Load Balance ในรูปแบบที่เป็นฮาร์ดแวร์แอพไพรแอนซ์ และด้วยแนวทาง Zero Trust

ทำให้ NSX+ สามารถสร้างมาตรฐานสำหรับระบบเครือข่าย และระบบรักษาความปลอดภัยครอบคลุมทั่วทุกสภาพแวดล้อม โดย วีเอ็มแวร์ คลาวด์ NSX+ จะมอบการดำเนินงานเครือข่ายและการรักษาความปลอดภัยที่สอดคล้องกัน มีความคล้ายคลึงกัน การสร้างและการบังคับใช้นโยบายความปลอดภัยแบบรวมศูนย์

การตรวจสอบเครือข่าย และแอปพลิเคชั่นอย่างทั่วถึง และการป้องกันเชิงลึกด้วยบริการตรวจจับและตอบสนองบนเครือข่าย (NDR) ความสามารถของ NSX+ นำเสนอในรูปแบบ SaaS ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกในการติดตั้ง และได้รับการจัดการจากส่วนกลางบนคอนโซลระบบคลาวด์เดี่ยว

นอกจากนั้น วีเอ็มแวร์ ยังได้เปิดตัว NSXVirtual Private Cloud (VPC)  โดย NSX+ VPC รองรับการแยกเครือข่าย ระบบรักษาความปลอดภัย และบริการออกจากกันอย่างสมบูรณ์สำหรับผู้เช่าหลายรายบนโครงสร้างพื้นฐาน วีเอ็มแวร์ คลาวด์ ที่ใช้งานร่วมกัน ซึ่งถูกจัดการโดยอินเทอร์เฟซ NSX ส่วนกลางเพียงหนึ่งเดียว  

นักพัฒนาและทีมงานฝ่ายแอปพลิเคชั่นสามารถเลือกใช้ระบบคลาวด์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแอปพลิเคชั่นของตน และขณะเดียวกันก็ได้รับประโยชน์จากการบริการตนเองและความคล่องตัวของ NSX+ VPC โดยครอบคลุมทุกระบบคลาวด์ ส่วนทีมงานฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานยังคงมีอำนาจในการควบคุมดูแล กำหนดแนวทางการดำเนินงาน

สำหรับแต่ละ VPC และตรวจสอบให้แน่ใจว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในสภาพแวดล้อม VPC จะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้เช่ารายอื่น และ NSXVPC ยังช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพด้านไอที เพราะทีมงานฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานจะสามารถใช้โมเดลการทำงานที่สอดคล้องกันบนระบบคลาวด์ต่าง ๆ ด้วย

เพิ่มขนาด และประสิทธิภาพของสตอเรจด้วย TCO ที่ต่ำกว่าใน “วีเอ็มแวร์ คลาวด์

VMware Cloud

ทุกวันนี้ องค์กรต่าง ๆ ใช้เวิร์กโหลดของระบบวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง และ AI เพื่อกลั่นกรองข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้า เพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการต่าง ๆ และขับเคลื่อนการเติบโตของรายได้ เวิร์กโหลดเหล่านี้จำเป็นต้องใช้ชุดข้อมูลขนาดใหญ่ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

ดังนั้นโซลูชั่นการจัดเก็บข้อมูลจึงต้องขยายขนาดความจุเป็นเพทาไบต์ได้อย่างยืดหยุ่น พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพ และการปกป้อง ควบคู่ไปกับการลดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา (TCO) และวันนี้ วีเอ็มแวร์ได้เปิดตัวสตอเรจที่ปรับขนาดได้อย่างง่ายดาย มีประสิทธิภาพ และคุ้มค่ายิ่งขึ้นสำหรับ วีเอ็มแวร์ คลาวด์ ด้วย วีเอ็มแวร์ vSAN Max

โซลูชั่นใหม่ในตระกูล vSAN ที่จะส่งมอบพื้นที่จัดเก็บข้อมูลแบบแยกส่วนขนาดเพทาไบต์ ด้วยการเปิดตัวครั้งนี้ โซลูชั่นสตอเรจของ วีเอ็มแวร์ จะให้ความยืดหยุ่นในการปรับขนาดที่เหนือกว่าเมื่อเทียบกับโซลูชั่นสตอเรจแบบเดิม พร้อมประสิทธิภาพ ความจุ การปกป้องที่เหนือชั้น และ TCO ที่ต่ำลง

เหมาะสำหรับแอปพลิเคชั่นที่ต้องใช้ทรัพยากรสูงสุดในปัจจุบัน vSAN Max จะปรับขนาดพื้นที่จัดเก็บข้อมูลอย่างยืดหยุ่นและเป็นอิสระจากระบบประมวลผล เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยมีความจุสูงสุด 8.6 เพทาไบต์ และสามารถให้ประสิธิภาพมากถึง 3.6 ล้าน IOPS ต่อคลัสเตอร์ ออกแบบเป็นพิเศษเพื่อให้ทนต่อความผิดพลาด

ของระบบศูนย์ข้อมูล ควมผิดพลาดของระบบเครื่องแม่ข่าย โฮส หรอแม้แต่อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลในรูปแบบ Stretch Cluster เนื่องจาก vSAN Max สร้างขึ้นบนสถาปัตยกรรม vSAN Express Storage Architecture จึงได้รับการออกแบบให้สามารถฟื้นฟูความเสียหายของอุปกรณ์ที่แยกต่างหากได้เร็วขึ้นถึง 92%

นอกจากนี้ยังลด TCO ได้ถึง 30% สำหรับฐานข้อมูลที่สำคัญต่อการดำเนินงาน ด้วยการผนวกรวมฮาร์ดแวร์และไลเซนส์เข้าด้วยกัน โซลูชั่น vSAN Max ใหม่ล่าสุดนี้จะได้รับไลเซนส์แยกต่างหากจาก vSAN รุ่นอื่น ๆ ที่มีอยู่ โดยจะนำเสนอในรูปแบบของการสมัครใช้งาน (subscription) และมีแผนจะให้ไลเซนส์ต่อหน่วยเทบิไบต์ (tebibyte)

วีเอ็มแวร์ คลาวด์” ช่วยให้สามารถกู้คืนระบบได้เร็วขึ้นจากการโจมตีของแรนซัมแวร์

VMware Cloud

การโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ส่วนใหญ่ในปัจจุบันใช้เทคนิคแบบไฟล์เลส (fileless) ซึ่งไม่สามารถตรวจจับได้ด้วยการสแกนข้อมูลสำรองที่ไม่ได้ใช้งาน จึงนับเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงต่อองค์กร วีเอ็มแวร์ Ransomware Recovery เป็นบริการ วีเอ็มแวร์ คลาวด์ ที่การันตีด้วยรางวัลต่างๆมากมาย ทำหน้าที่กู้คืนจากการโจมตี

แบบที่ไม่จำเป็นต้องมีไฟล์ ให้โจมตี (fileless) โดยใช้การวิเคราะห์พฤติกรรมของ VM ที่เปิดใช้งานในสภาพแวดล้อมการกู้คืนที่ถูกแยกเอาไว้ทดสอบ (Isolated Recovery Environment-IRE) บนคลาวด์ Ransomware Recovery สามารถแก้ไขปัญหาการหยุดทำงานของระบบโดยที่ไม่ได้วางแผน

หรือคาดการร์ไว้ได้เร็วกว่าถึง 75% นอกจากนี้ เพื่อลดเวลาหยุดทำงานของระบบ Ransomware Recovery ยังได้เพิ่มการดำเนินการกู้คืน VM หลาย ๆ ตัวสำหรับหลาย ๆ ระบบพร้อมกัน (พร้อมใช้งานแล้ววันนี้) และจะช่วยให้ลูกค้าสามารถรันเวิร์กโหลดในโปรดักชั่นที่ใช้งานจริงในระบบคลาวด์ได้จนกว่าการตรวจสอบ (Forensics)

จะเสร็จสมบูรณ์ และดาต้าเซ็นเตอร์ในองค์กรจะได้รับการเสริมความแข็งแกร่ง พร้อมใช้งาน (คาดว่าจะพร้อมใช้งานในไตรมาสที่ 3 ปีงบประมาณ 2567) ยิ่งไปกว่านั้น วีเอ็มแวร์ ยังเผยตัวอย่างเทคโนโลยีสตอเรจที่มีความปลอดภัยทางไซเบอร์

ซึ่งจะผสานรวมเวิร์กโฟลว์การกู้คืนระบบเข้ากับ vSAN Snapshot แบบเนทีฟ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายโอนข้อมูล และ Ransomware Recovery ยังขยายการรองรับบริการ วีเอ็มแวร์ คลาวด์ เพื่อรวมการป้องกันเวิร์กโหลดใน Google Cloud VMware Engine (พร้อมใช้งานแล้ววันนี้)

เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของ “วีเอ็มแวร์ คลาวด์

VMware Cloud

ในฐานะส่วนหนึ่งของนวัตกรรมสำคัญที่ วีเอ็มแวร์ คลาวด์ มอบให้ วีเอ็มแวร์ได้ประกาศความพร้อมใช้งานล่วงหน้าของบริการการจัดการวงจรการใช้งาน ESXi บนระบบคลาวด์ใน วีเอ็มแวร์ vSphere+ ผู้ดูแลระบบไอทีจะสามารถจัดการการอัปเกรดจากส่วนกลาง

โดยครอบคลุม ESXi ทั้งหมดในสภาพแวดล้อม multivCenter ที่ทำงานจากหลายสภาพแวดล้อม ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาความยุ่งยากในการดูแลระบบที่กระจายอยู่ในที่ต่าง ๆ และสามารถทำให้เสร็จสมบูรณ์ได้ด้วยการดำเนินการเพียงไม่กี่ขั้นตอน ซึ่งก่อนหน้านี้อาจต้องใช้การดำเนินการหลายร้อยหรือหลายพันขั้นตอน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมที่มีขนาดใหญ่มาก เทคโนโลยีนี้จะช่วยประหยัดเวลาได้อย่างมาก และช่วยลดความยุ่งยากในการวางแผนการอัปเกรดและการติดตั้งใช้งาน ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงเวอร์ชั่นล่าสุด ความสามารถใหม่ ๆ ได้ง่ายขึ้น และยังสามารถได้รับประโยชน์จากฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่เปี่ยมประสิทธิภาพของ วีเอ็มแวร์ คลาวด์

อัปเดตเพิ่มเติมสำหรับ vSphere ในรีลีสที่กำลังจะมาถึงจะประกอบด้วยความสามารถของ GPU ที่เพิ่มขึ้นสองเท่าต่อ VM เพื่อรองรับเวิร์กโหลด AI/ML ที่ซับซ้อนมากขึ้น รองรับโหลดบาลานซิ่งที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดจากการลงทุนใน GPU และยังมีเครื่องมือบริการตนเองที่ได้รับการปรับปรุง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกให้แก่วิศวกรและนักพัฒนา DevOps ในการสร้าง และใช้งานโมเดิร์นแอปพลิเคชั่นได้

ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) 
*** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A

สามารถกดติดตามข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่  www.facebook.com/itday.in.th

ITDay