วีเอ็มแวร์ (VMware) เปิดตัว VMware Private AI เร่งขับเคลื่อนแอปเจเนอเรชันใหม่ พร้อมขยายความร่วมมือกับ NVIDIA สร้างแพลตฟอร์ม Generative AI ที่ทำงานบนโครงสร้างพื้นฐาน VMware Cloud…
VMware เปิดตัว Private AI เพื่อเร่งขับเคลื่อนแอปเจเนอเรชันใหม่
วีเอ็มแวร์ เปิดตัว Private AI เพื่อขับเคลื่อนการนำเทคโนโลยี generative AI มาใช้ในระดับองค์กร และใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่เชื่อถือได้ โดย Private AI เป็นสถาปัตยกรรมที่สร้างสมดุล เพื่อช่วยให้ธุรกิจยังสามารถได้ประโยชน์จากการใช้ AI แต่ยังสามารถรักษา ตอบโจทย์ ความเป็นส่วนตัวขององค์กร
และข้อกำหนดด้านกฎระเบียบที่ต้องปฎิบัติตาม (Compliances) ต่าง ๆ ได้ เพื่อให้ Private AI สามารถใช้งานได้จริงสำหรับองค์กรเอนเตอร์ไพรส์ และขับเคลื่อนการสร้างแอปพลิเคชันรูปแบบใหม่ที่เน้น AI–enabled วีเอ็มแวร์ได้เปิดตัวโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI ดังนี้
วีเอ็มแวร์ Private AI Foundation กับ NVIDIA ขยายความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่างทั้งสองบริษัท เพื่อเตรียมธุรกิจโดยใช้โครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ของ วีเอ็มแวร์ สำหรับยุค generative AI ที่กำลังจะมาถึง
สถาปัตยกรรม วีเอ็มแวร์ Private AI Reference Architecture สำหรับโอเพ่นซอร์ส เพื่อรองรับการทำงานร่วมเทคโนโลยีซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่ดีที่สุด (OSS) ในปัจจุบันและในอนาคต เพื่อช่วยลูกค้าในการบรรลุผลลัพธ์จากการนำเทคโนโลยี AI ไปใช้
วีเอ็มแวร์ Private AI ได้นำความสามารถในการประมวลผล (Compute Capacity) และโมเดล AI ไปยังจุดที่มีการสร้าง ข้อมูล การประมวลผลข้อมูล และใช้งานข้อมูลขององค์กร ไม่ว่าจะอยู่ในพับบลิกคลาวด์ ดาต้าเซ็นเตอร์ภายในองค์กร หรือที่ Edge ด้วยข้อเสนอใหม่เหล่านี้
วีเอ็มแวร์กำลังช่วยเหลือลูกค้าในการบรรลุความสมดุลระหว่างความยืดหยุ่นในการใช้งาน แต่ก็มีการควบคุมในเรื่องที่จำเป็น ในการขับเคลื่อน AI–enabled แอปพลิเคชันรุ่นใหม่ ๆ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานอย่างมีนัยสำคัญ
สร้างนวัตกรรมที่เปลี่ยนแปลงฟังก์ชันทางธุรกิจหลัก ๆ และขับเคลื่อนผลกระทบทางเศรษฐกิจ โดยรายงานของ McKinsey ประมาณการว่า generative AI อาจเพิ่มรายได้ให้กับเศรษฐกิจโลกได้มากถึง 4.4 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี
สภาพแวดล้อมมัลติคลาวด์เป็นรากฐานสำหรับแอปพลิเคชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI แบบใหม่ เนื่องจากทำให้ข้อมูลส่วนตัวต่าง ๆ ที่มีการทำงานอยู่กระจัดกระจาย ในระบบการประมวลผลแบบคลาวด์ง่ายต่อการควบคุม และใช้ประโยชน์ กลยุทธ์มัลติคลาวด์ที่ วีเอ็มแวร์ นำเสนอ สามารถนำมาใช้ทำให้ธุรกิจมีทางเลือก
และความยืดหยุ่นมากขึ้นในการใช้งาน ปรับแต่ง และใช้งาน AI โมเดล ในขณะที่ยังคงรักษาระดับความปลอดภัยและความยืดหยุ่นที่จำเป็นในทุกสภาพแวดล้อม
รากู รากูราม ซีอีโอ ของ วีเอ็มแวร์ กล่าวว่า ศักยภาพอันน่าทึ่งของ generative AI นั้นไม่สามารถปลดล็อกได้เต็มที่ เว้นแต่องค์กร Enterprise ต่าง ๆ จะสามารถรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูลของตน และลดความเสี่ยงด้านทรัพย์สินทางปัญญา (IP) ในขณะที่เทรนนิ่ง ปรับแต่ง และให้บริการโมเดล AI ของตนได้
ซึ่งด้วย วีเอ็มแวร์ Private AI เราช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เชื่อถือได้ เพื่อให้สามารถสร้างและทดสอบโมเดล AI ได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยในสภาพแวดล้อมมัลติคลาวด์ องค์กรขนาดใหญ่แบบเอนเตอร์ไพรส์ในปัจจุบันเผชิญกับทางเลือกที่ยากลำบาก ในเรื่องของการใช้งาน generative AI
องค์กรเอนเตอร์ไพรส์อาจจะใช้ประโยชน์จาก pubic AI โมเดล เพื่อมาช่วยสร้าง AI แอปพลิเคชัน แต่ก็แฝงไปด้วยอันตราย และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเผยข้อมูลและแหล่งการเทรนนิ่งที่ไม่น่าเชื่อถือเมื่อใช้โมเดล AI หรืออาจลองใช้แนวทาง “โมเดลแบบที่ทำขึ้นมาเอง“ (do-it-yourself)
ซึ่งก็อาจจะเจอความลำบากในการบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ และใช้เวลาให้คุ้มกับต้นทุน ซึ่ง วีเอ็มแวร์ AI Labs ได้สร้าง วีเอ็มแวร์ Private AI มาเพื่อแก้ไขปัญหา และความท้าทายต่าง ๆ เหล่านี้
วีเอ็มแวร์ Private AI Foundation พร้อมด้วย NVIDIA ช่วยให้องค์กรต่าง ๆ มีความพร้อมด้าน AI
วีเอ็มแวร์ Private AI Foundation พร้อมด้วย NVIDIA ประกอบด้วยชุดเครื่องมือ AI แบบบูรณาการ จะช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ สามารถปรับใช้ AI โมเดลที่ได้รับการพิสูจน์ ซึ่งได้รับการเทรนบนข้อมูลส่วนตัว และมีการบริหารต้นทุนได้อย่างคุ้มค่าไม่ว่าจะเป็นในศูนย์ข้อมูลของลูกค้าบนพับบลิกคลาวด์ชั้นนำ
และที่ Edge โดย วีเอ็มแวร์ Private AI Foundation พร้อมด้วย NVIDIA จะรวมซอฟต์แวร์ NVIDIA AI Enterprise และการประมวลผลแบบเร่งความเร็วเข้ากับสถาปัตยกรรม Private AI ของ วีเอ็มแวร์ ซึ่งใช้ วีเอ็มแวร์ Cloud Foundation ลูกค้าจะได้รับสิทธิ์ในการเข้าถึงซอฟต์แวร์โครงสร้างพื้นฐานคลาวด์
และโครงสร้างพื้นฐานการประมวลผลที่ได้รับการปรับปรุงซึ่งพวกเขาต้องการเพื่อใช้งานแอปพลิเคชัน AI ทั่วไป เช่น แชทบอทอัจฉริยะ ผู้ช่วย การค้นหา และการสรุป Dell Technologies, HPE และ Lenovo จะให้การสนับสนุน วีเอ็มแวร์ Private AI Foundation ควบคู่ไปกับ NVIDIA
จะช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถรันโมเดลที่ได้รับการพิสูจน์แล้วซึ่งได้รับการฝึกฝนเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัวของตนในลักษณะที่คุ้มต้นทุน และจะทำให้โมเดลเหล่านี้สามารถนำไปใช้ในศูนย์ข้อมูลบนพับบลิกคลาวด์ชั้นนำได้ และที่ Edge วีเอ็มแวร์ Private AI Foundation พร้อมด้วย NVIDIA
จะผสานรวมสถาปัตยกรรม Private AI ของ วีเอ็มแวร์ ที่สร้างขึ้นบน วีเอ็มแวร์ Cloud Foundation เข้ากับซอฟต์แวร์ NVIDIA AI Enterprise และการประมวลผลแบบเร่งความเร็ว ข้อเสนอแบบครบวงจรนี้จะช่วยให้ลูกค้าได้รับโครงสร้างพื้นฐานการประมวลผลที่รวดเร็วและซอฟต์แวร์โครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ที่พวกเขาต้องการ
ในการปรับแต่งโมเดลและเรียกใช้แอปพลิเคชัน AI ทั่วไป รวมถึงแชทบอทอัจฉริยะ ผู้ช่วย การค้นหา และการสรุป วีเอ็มแวร์ Private AI Foundation พร้อม NVIDIA จะได้รับการสนับสนุนจาก Dell Technologies, Hewlett Packard Enterprise และ Lenovo อ่านข่าวประชาสัมพันธ์ความร่วมมือระหว่าง วีเอ็มแวร์ และ NVIDIA ที่นี่
การเชื่อมต่อ (อินเตอร์คอนเน็ค) และ การเปิดให้อีโคซิสเต็มต่าง ๆ สนับสนุนกลยุทธ์ AI ให้กับลูกค้า
สถาปัตยกรรม วีเอ็มแวร์ Private AI Reference ของ วีเอ็มแวร์ สำหรับโอเพ่นซอร์สรวมเข้ากับเทคโนโลยี โอเพนซอร์สซอฟต์แวร์ (OSS) ที่เป็นนวัตกรรมใหม่เพื่อส่งมอบสถาปัตยกรรมอ้างอิงแบบเปิดสำหรับการสร้าง และให้บริการโมเดล โอเพนซอร์สซอฟต์แวร์ (OSS) บน วีเอ็มแวร์ Cloud Foundation
ซึ่งในงาน วีเอ็มแวร์ Explore 2023 วีเอ็มแวร์ได้แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำจากทุกส่วนในการแสดงศักยภาพของ AI ดังนี้
Anyscale : วีเอ็มแวร์ นำเฟรมเวิร์กการประมวลผลแบบรวมโอเพ่นซอร์สที่เชื่อว่า Ray ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางมาสู่การทำงานของ วีเอ็มแวร์ Cloud ซึ่งโปรเจค Ray บน วีเอ็มแวร์ Cloud Foundation ช่วยให้ Data Scientist และ MLOps Engineers
สามารถขยายเวิร์กโหลด AI และ Python ได้ง่ายขึ้นมาก โดยการใช้พื้นที่การประมวลผลปัจจุบันสำหรับเวิร์กโหลด ML แทนที่จะต้องเริ่มต้นเป็นระบบพับบลิกคลาวด์
Domino Data Lab : วีเอ็มแวร์, Domino Data Lab และ NVIDIA ได้ร่วมมือกันเพื่อนำเสนอความสามารถในการวิเคราะห์แบบครบวงจร (Unified Analytics), การทำ Data Science และแพลตฟอร์มโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Platform)
ที่ได้รับการปรับให้เหมาะสม มีการตรวจสอบ และ ช่วยสนับสนุน AI/ML โมเดลในอุตสาหกรรมการเงิน (Financial Services Industry) ต่าง ๆ อีกด้วย
Global Systems Integrators : วีเอ็มแวร์ กำลังทำงานร่วมกับบริษัท Global Systems Integrators ชั้นนำ เช่น Wipro และ HCL เพื่อช่วยให้ลูกค้าตระหนักถึงประโยชน์ของ Private AI โดยการสร้างและนำเสนอโซลูชันแบบครบวงจรที่รวม วีเอ็มแวร์ Cloud เข้ากับโซลูชันระบบนิเวศของพันธมิตร AI
Hugging Face : วีเอ็มแวร์ ร่วมมือกับ Hugging Face เพื่อเปิดตัว SafeCoder ซึ่งเป็นโซลูชันผู้ช่วยโค้ดเชิงพาณิชย์ที่สมบูรณ์แบบที่สร้างขึ้นสำหรับองค์กร รวมถึงบริการ ซอฟต์แวร์ และการซัพพอร์ตการให้บริการต่าง ๆ โดยวีเอ็มแวร์เองก็มีการใช้ประโยชน์จาก SafeCoder
ภายในองค์กรและเผยแพร่สถาปัตยกรรมอ้างอิงที่เราใช้งานมาแล้ว พร้อมตัวอย่างโค้ด เพื่อให้ลูกค้าได้รับประโยชน์ (time-to-value) ได้อย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เมื่อใช้งาน โดยสามารถใช้งาน SafeCoder บนโครงสร้างพื้นฐานของวีเอ็มแวร์ อ่านบล็อกเปิดตัวฉบับเต็มได้ที่นี่
Intel : วีเอ็มแวร์ vSphere/vSAN 8 และ Tanzu ได้รับการปรับให้เหมาะสมด้วยชุดซอฟต์แวร์ AI ของ Intel เพื่อใช้ประโยชน์จากตัวเร่งความเร็ว built-in AI บนโปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® Scalable เจนเนอเรชัน 4 รุ่นล่าสุด
นอกจากนี้ วีเอ็มแวร์ ยังเปิดตัวโปรแกรม วีเอ็มแวร์ AI Ready ซึ่งจะช่วยให้ ISV มีเครื่องมือและทรัพยากรที่จำเป็นในการประเมินและรับรองผลิตภัณฑ์ของตนบน วีเอ็มแวร์ Private AI Reference Architecture ซึ่งโปรแกรมนี้ถือเป็นการช่วยพัฒนาอีกรูปแบบหนึ่งที่ประกาศ
โดย วีเอ็มแวร์ ISV ที่เชี่ยวชาญด้าน ML และ LLM Ops, Data Engineer และฟีเจอร์เครื่องมือสำหรับนักพัฒนาสำหรับ AI และแอปพลิเคชันที่มี AI รวมอยู่จะสามารถเข้าถึงโปรแกรมนี้ได้ คาดว่าโปรแกรมใหม่นี้จะเริ่มดำเนินการได้ภายในสิ้นปี พ.ศ. 2566
ส่วนขยาย * บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ ** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) *** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A
สามารถกดติดตามข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่ www.facebook.com/itday.in.th