Xiaomi เปิดตัว “Redmi Note 14 Series” พร้อมขนทัพผลิตภัณฑ์ AIoTs รุ่นใหม่เสริมแกร่ง

Xiaomi

เสียวหมี่ (Xiaomi) เปิดตัว “Redmi Note 14 Series” อย่างเป็นทางการ พร้อมขนทัพผลิตภัณฑ์ AIoTs รุ่นใหม่โชว์อีกมากมาย…

Xiaomi เปิดตัว “Redmi Note 14 Series” พร้อมขนทัพผลิตภัณฑ์ AIoTs รุ่นใหม่เสริมแกร่ง

เสียวหมี่ ประเทศไทย ประกาศเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ Redmi Note 14 Series ซึ่งประกอบด้วย Redmi Note 14 Pro+ 5G, Redmi Note 14 Pro 5G, Redmi Note 14 5G และ Redmi Note 14 ชูจุดเด่นด้วยกล้อง AI ความละเอียดสูง ความทนทานระดับออลสตาร์ และการอัปเกรดฟีเจอร์รอบด้าน

เพื่อมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้เสียวหมี่ ประเทศไทย ยังประกาศวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ AIoTs รุ่นใหม่มากมายอีกด้วย

Xiaomi

สมาร์ทโฟน Redmi Note 14 Series

บันทึกช่วงเวลาสำคัญไปกับกล้อง AI อันทรงพลัง

Redmi Note 14 Series มีระบบกล้องที่ได้รับการออกแบบมาให้สามารถถ่ายภาพได้ในระดับเรือธง โดยสมาร์ทโฟนรุ่น Pro จะมาพร้อมระบบกล้อง AI ระดับมืออาชีพความละเอียด 200MP และมีระบบป้องกันภาพสั่นไหว (OIS) นอกจากนี้ Redmi Note 14 Pro+ 5G และ Redmi Note 14 Pro 5G ยังมาพร้อมกับตัวเลือก

การซูมขั้นสูงซึ่งสามารถถ่ายภาพที่มีรายละเอียดที่เล็กที่สุดด้วยการซูมแบบออปติคอลแบบไม่สูญเสียคุณภาพ 2 เท่า และ 4 เท่า ไปจนถึงการถ่ายภาพวัตถุที่อยู่ไกลด้วยการซูมแบบดิจิทัลสูงสุด 30 เท่า ในขณะที่ Redmi Note 14 5G และ Redmi Note 14 นั้นมาพร้อมกับระบบกล้อง AI ความละเอียด 108MP

ที่มอบสีสันสดใสและรายละเอียดที่คมชัด จึงทำให้การถ่ายภาพคุณภาพสูงนั้นสามารถเป็นไปได้ในสมาร์ทโฟนทุกรุ่นในทุกระดับราคา นอกจากนี้ ในรุ่น Pro ของ Redmi Note 14 Series ยังมีฟีเจอร์ Advanced AI อาทิ AI Image Expansion1 ซึ่งจะช่วยขยายพื้นหลังเพื่อให้คุณถ่ายภาพได้สมจริงมากยิ่งขึ้น

ในขณะที่ AI Erase Pro1 จะช่วยลบวัตถุที่ไม่ต้องการได้อย่างง่ายดาย และยังมาพร้อมฟีเจอร์ AI Sky ที่จะช่วยให้คุณสลับพื้นหลังได้อย่างง่ายดาย ทั้งนี้การผสานเอาเครื่องมือ AI เข้ามาไว้ด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ2 นั้นจะช่วยให้คุณสามารถเพิ่มคุณภาพของภาพ และปรับปรุงแก้ไขภาพเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ระดับมืออาชีพได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้น

Xiaomi

ความแข็งแกร่ง และยืดหยุ่นที่ถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน

Redmi Note 14 Series นั้นถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน โดยมาพร้อมกับความทนทานต่อการตก น้ำกระเซ็น และรอยขีดข่วน ซึ่งความแข็งแกร่งทั้งหมดนี้เริ่มต้นมาจากโครงสร้างออลสตาร์อาร์เมอร์ (All-Star Armor) ซึ่งประกอบด้วยส่วนเสริมที่เป็นประโยชน์หลายอย่าง

เช่น โครงอะลูมิเนียมคอมโพสิตที่มีความแข็งแรงสูง โฟมดูดซับพลังงาน และวัสดุกันกระแทกโพลีเมอร์ ซึ่งจะมีอยู่ใน Redmi Note 14 Pro+ 5G และ Redmi Note 14 Pro 5G เพื่อเพิ่มความทนทานต่อการตก ในขณะเดียวกันหน้าจอ Corning® Gorilla® Glass Victus® 2 ก็ช่วยให้สมาร์ทโฟนในรุ่น Pro มีความทนทาน

ต่อรอยขีดข่วนมากขึ้น โดยจะจับคู่กับฝาครอบแบตเตอรี่ Corning® Gorilla® Glass 7i หรือหนังวีแกนใน Redmi Note 14 Pro+ 5G เพื่อการป้องกันที่รอบด้าน ขณะที่ Redmi Note 14 5G และ Redmi Note 14 จะมาพร้อมกระจกป้องกัน Corning® Gorilla® Glass 5 ที่ให้ความแข็งแกร่ง และยืดหยุ่นด้วยเช่นกัน

Xiaomi

นอกเหนือจากการป้องกันจากการขีดข่วนและตกกระแทกแล้ว Redmi Note 14 Series ยังถูกออกแบบมาให้ทนทานต่อสภาพอากาศอีกด้วย โดย Redmi Note 14 Pro+ 5G และ Redmi Note 14 Pro 5G มาพร้อมกับการป้องกันฝุ่น และน้ำตามมาตรฐาน IP684 ที่จะช่วยปกป้องอุปกรณ์จากฝุ่น และน้ำได้อย่างเหนือชั้นและให้คุณใช้งานได้ในทุกสถานการณ์

ในขณะที่ Redmi Note 14 5G นั้นก็มากับการป้องกันฝุ่นและน้ำตามมาตรฐาน IP645 และ Redmi Note 14 ก็มากับการป้องกันฝุ่นและน้ำตามมาตรฐาน IP545 ซึ่งสมาร์ทโฟนทุกรุ่นในซีรีย์ยังมาพร้อมหน้าจอแสดงผลที่ได้รับการปรับปรุงเพื่อการตอบสนองที่แม่นยำมากยิ่งขึ้นในการป้อนข้อมูลแบบสัมผัส

แม้จะอยู่ในสภาวะที่เปียกหรือมือนั้นมีคราบน้ำมันก็ตาม และด้วยฟีเจอร์ความทนทานแบบออลสตาร์ที่กล่าวมาทั้งหมด จึงทำให้ Redmi Note 14 Series นั้นพร้อมรับมือกับการใช้งานได้ในทุกสถานการณ์

Xiaomi

ใช้งานได้ตลอดทั้งวันด้วยประสิทธิภาพอันราบรื่น

Redmi Note 14 Series มอบประสิทธิภาพอันแข็งแกร่งและอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน โดยมาพร้อมชิปเซ็ตขั้นสูงจึงสามารถจัดการการทำงานแบบมัลติทาสก์ได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นการวิดีโอคอล การเล่นเกม และอื่นๆ อีกมากมาย

ซึ่ง Redmi Note 14 Pro+ 5G นั้นขับเคลื่อนด้วยโปรเซสเซอร์ Snapdragon® 7s Gen 3 ขนาด 4 นาโนเมตรขั้นสูง และยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 5110mAh6 และไฮเปอร์ชาร์จ 120W ที่ให้พลังงานที่ยาวนานตลอดวัน

ซึ่ง Redmi Note 14 Pro 5G ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 7300-Ultra ขณะที่ Redmi Note 14 5G ขับเคลื่อนด้วย MediaTek Dimensity 7025-Ultra และ Redmi Note 14 ขับเคลื่อนด้วย MediaTek Helio G99-Ultra

เพื่อมอบประสบการณ์ที่ราบรื่นสำหรับการเล่นเกม การสตรีม และการสลับแอปอย่างรวดเร็ว และเมื่อจับคู่กับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ตั้งแต่ขนาด 5110mAh จนถึง 5500mAh6 ก็จะทำให้สมาร์ทโฟนของคุณสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องตลอดทั้งวันแบบไม่มีสะดุด

ทั้งนี้ Redmi Note 14 Series ยังมีฟีเจอร์ Google Gemini2 ที่เข้ามาช่วยยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน นอกจากนี้ Redmi Note 14 Pro+ 5G และ Redmi Note 14 Pro 5G ยังมาพร้อมฟีเจอร์ Circle to Search2 ที่ช่วยให้คุณสามารถค้นหาข้อมูลรอบๆ ตัวได้อย่างรวดเร็วทำให้การใช้งานในชีวิตประจำวันนั้นง่ายและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

Xiaomi

ประสบการณ์การรับชมที่เต็มอิ่มด้วยหน้าจอแสดงผลที่ถนอมสายตา

Redmi Note 14 Series มาพร้อมหน้าจอแสดงผลถนอมสายตาอันคมชัด 120Hz เพื่อมอบประสบการณ์การรับชมอันดีเยี่ยม ทั้งนี้ Redmi Note 14 Pro+ 5G และ Redmi Note 14 Pro 5G นั้นยกระดับประสบการณ์ไปอีกขั้นด้วยความละเอียดหน้าจอ 1.5K ที่ทำให้ทุกรายละเอียดนั้นดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น

Redmi Note 14 Series มาพร้อมการใช้เทคโนโลยีถนอมสายตาจึงทำให้การใช้งานเป็นเวลานานนั้นสบายตามากยิ่งขึ้น โดยสมาร์ทโฟนทุกรุ่นในซีรีย์นี้มีหน้าจอที่ช่วยป้องกันแสงสีฟ้าด้วยการรับรองจาก TÜV Rheinland Low Blue Light (ฮาร์ดแวร์โซลูชัน), การปราศจากการกระพริบ (Flicker Free)

การเป็นมิตรทางชีวภาพตลอดทั้งวันกับผู้ใช้งาน (Circadian Friendly) จึงทำให้ผู้ใช้งานนั้นได้รับประสบการณ์อันน่าพึงพอใจมากยิ่งขึ้นในระหว่างการใช้งานในเวลากลางคืนหรือระหว่างการสตรีมมิ่งเป็นเวลานาน นอกจากนี้หน้าจอ Redmi Note 14 Pro+ 5G และ Redmi Note 14 Pro 5G ยังให้ความสว่างสูงสุด 3000 nits

จึงทำให้การใช้งานกลางแจ้งนั้นราบรื่นไม่แพ้ตอนกลางคืน โดยคอนเทนต์บนหน้าจอจะยังคงชัดเจนสดใสแม้จะอยู่ภายใต้แสงสว่างจ้ากลางแดด คุณจึงสามารถรับชมเนื้อหาที่คมชัดและดื่มด่ำได้เป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน

เสียวหมี่มอบการผสมผสานอันยอดเยี่ยมระหว่างประสิทธิภาพอันทรงพลัง การถ่ายภาพที่น่าทึ่ง และความทนทานอันแข็งแกร่ง ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของชีวิตสมัยใหม่ลงมาในสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด Redmi Note 14 Series นี้

การวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย

Xiaomi

Redmi Note 14 Pro+ 5G รุ่นความจุ 12GB+512GB8 มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Lavender Purple, Frost Blue และ Midnight Black7 พร้อมให้ลูกค้าสั่งจองล่วงหน้าระหว่างวันที่ 11-17 มกราคม 2568 โดยวางจำหน่ายในราคา 14,990 บาท ที่ เสียวหมี่ สโตร์ และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ

รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์แพลตฟอร์ม พิเศษ! สำหรับลูกค้าสั่งซื้อ Redmi Note 14 Pro+ 5G ในระหว่างวันที่ 11-17 มกราคม 2568 รับฟรี Redmi Note 14 Series x BamBam Exclusive Gift Set และประกัน VIP Service มูลค่ารวม 13,790 บาท

Redmi Note 14 Pro 5G รุ่นความจุ 12GB+256GB8 มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Midnight Black, Lavender Purple และ Coral Green โดยวางจำหน่ายในราคา 11,990 บาท ที่ เสียวหมี่ สโตร์ และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์แพลตฟอร์ม

พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่ซื้อ Redmi Note 14 Pro 5G ในระหว่างวันที่ 11 มกราคม-2 กุมภาพันธ์ 2568 รับฟรี Redmi Watch 5 Active และประกัน VIP Service มูลค่ารวม 11,290 บาท

Redmi Note 14 5G มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Midnight Black, Lavender Purple และ Coral Green โดยรุ่นความจุ 8GB+256GB8 วางจำหน่ายในราคา 7,999 บาท และรุ่นความจุ 12GB+512GB8 วางจำหน่ายในราคา 9,999 บาท ที่ เสียวหมี่ สโตร์ และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ

รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์แพลตฟอร์ม พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่ซื้อ Redmi Note 14 5G ในระหว่างวันที่ 11 มกราคม-2 กุมภาพันธ์ 2568 รับฟรี กระเป๋าล้อลาก Redmi Note 14 Series และประกัน VIP Service มูลค่ารวม 7,690 บาท

Redmi Note 14 รุ่นความจุ 8GB+256GB8 มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Midnight Black, Mist Purple และ Lime Green โดยวางจำหน่ายในราคา 5,999 บาท ที่ เสียวหมี่ สโตร์ และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์แพลตฟอร์ม

พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่ซื้อ Redmi Note 14 ในระหว่างวันที่ 11 มกราคม-2 กุมภาพันธ์ 2568 รับฟรี กระเป๋าล้อลาก Redmi Note 14 Series และประกัน VIP Service มูลค่ารวม 5,690 บาท

Xiaomi

นอกจากนี้ เสียวหมี่ ประเทศไทย ยังมอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อ Redmi Note 14 Pro+ 5G และ Redmi Note 14 Pro 5G เท่านั้น โดยรับสิทธิ์ลุ้นเป็นผู้โชคดีเข้าร่วมงาน Iconic Fan Meet สุดเอ็กซ์คลูซีฟกับ BamBam

ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2568 ที่สยามพารากอน โดยลูกค้าสามารถลงทะเบียนเพื่อลุ้นเป็น 1 ใน 150 lucky Fans ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Page ของ Xiaomi Thailand

ทัพผลิตภัณฑ์ AIoTs

หูฟัง Redmi Buds 6

Xiaomi

Redmi Buds 6 มีระบบตัดเสียงรบกวนขั้นสูง (ANC) ที่มีความลึกสูงสุดอยู่ที่ 49dB11 และแบนด์วิดท์ 2kHz ตัวอุปกรณ์ยังมาพร้อมระบบไดรเวอร์คู่ทำให้ได้เสียงที่ชัดเจนและมีไดนามิก Redmi Buds 6 ยังมาพร้อมกับไมโครโฟนคู่ที่ลดเสียงรบกวนด้วย AI ที่จะช่วยลดเสียงรบกวนของสภาพแวดล้อมได้

แม้แต่ในสภาวะที่มีลมแรงถึง 9 เมตร/วินาที11 นอกจากนี้เอฟเฟกต์เสียง 360° ที่ถูกติดตั้งมายังทำให้คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับเสียงหรือรับฟังที่ดีมากยิ่งขึ้น Redmi Buds 6 นั้นจะแสดงระดับแบตเตอรี่แบบเรียลไทม์และสามารถเล่นเพลงได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 10 ชั่วโมง ต่อการชาร์จเพียงครั้งเดียวหรือนานถึง 42 ชั่วโมง

เมื่อชาร์จผ่านเคส ในขณะที่ตัวเลือกการเชื่อมต่ออัจฉริยะก็จะช่วยให้คุณสามารถแชร์เสียง ได้อย่างราบรื่นหรือคุณยังจะสามารถใช้ Redmi Buds 6 เพื่อถ่ายภาพแบบแฮนด์ฟรี ด้วยท่าที่คุณตั้งค่าเอาไว้ได้อีกด้วย Redmi Buds 6 มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Cloud White, Night Black และ Coral Green

โดยจะวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในวันที่ 18 มกราคม 2568 เป็นต้นไป ที่ เสียวหมี่ สโตร์ และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์แพลตฟอร์ม พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่ซื้อ Redmi Buds 6 ในระหว่างวันที่ 18 มกราคม-28 กุมภาพันธ์ 2568 สามารถซื้อได้ในราคาพิเศษ 1,349 บาท (จากราคาปกติ 1,790 บาท)

Xiaomi

หูฟัง Redmi Buds 6 Pro

Redmi Buds 6 Pro มาพร้อมความโดดเด่นด้วยโคแอกเซียลทริปเปิ้ลไดรเวอร์ (coaxial triple drivers) ชั้นนำในอุตสาหกรรมที่ได้รับการรับรองด้วยระบบเสียงไร้สาย Hi-Res Audio15 และมีทวีตเตอร์คู่ PZT ที่ผสานเข้ากับไดรเวอร์ขนาด 11 มม. พร้อมไดอะเฟรมไททาเนียม

เพื่อส่งมอบเสียงเบสที่ลึกขึ้นและเสียงสูงที่คมชัดมากยิ่งขึ้น ตัวอุปกรณ์ยังให้เสียงอันมีมิติในตัว ที่มาพร้อมกับโหมดหลากหลายและมีระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) 55dB16 ระดับเรือธงที่ครอบคลุมพื้นที่กว้างกว่า 4kHz ซึ่งสามารถปิดกั้นเสียงรบกวนความถี่กลางถึงสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Xiaomi

Redmi Buds 6 Pro ให้คุณเพลิดเพลินไปกับการฟังเพลงได้ยาวนานถึง 9.512 ชั่วโมงต่อการชาร์จเพียงครั้งเดียว หรือนานถึง 36 ชั่วโมง12 เมื่อชาร์จผ่านเคส และมีการควบคุมแบบสัมผัสที่ใช้งานได้ง่ายในการจัดการการโทร การฟังเพลง ระดับเสียง และโหมด ANC

เพื่อปรับการรับฟังให้เหมาะกับคุณมากที่สุด นอกจากนี้ตัวอุปกรณ์ยังมีฟีเจอร์อีควอไลเซอร์ที่ปรับแต่งได้ (EQ) โดยมาพร้อมโหมดที่ตั้งไว้ล่วงหน้าสี่โหมดและโหมดที่กำหนดเองหนึ่งโหมดเพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งเสียงให้ตรงตามความต้องการของตนเองได้อีกด้วย

Redmi Buds 6 Pro มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Glacier White, Space Black และ Lavender Purple พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของก่อนใครที่ mi.com ระหว่างวันที่ 11-17 มกราคม 2568 และจะวางจำหน่ายในช่องทางต่างๆ อย่างเป็นทางการในวันที่ 18 มกราคม 2568 เป็นต้นไป โดย Redmi Buds 6 Pro จะวางจำหน่ายในราคาพิเศษ 2,390 บาท (จากราคาปกติ 2,990 บาท)

Xiaomi

นาฬิกาข้อมืออัจฉริยะ Redmi Watch 5

Redmi Watch 5 มีหน้าจอที่ใหญ่ และสว่างสดใสโดยให้หน้าจอ AMOLED ขนาด 2.07 นิ้ว พร้อมความสว่าง 1,500 nits อัตราการรีเฟรช 60Hz และความคมชัด 324 ppi เพื่อมอบประสบการณ์ระดับเรือธง และยังถูกยกระดับขึ้นไปอีกขั้นด้วยขอบจออันบางเฉียบเพียง 2 มม. และอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องที่ 82%

นอกจากนี้ Redmi Watch 5 ยังมาพร้อมแบตเตอรี่ที่มีอายุการใช้งานได้ยาวนานถึง 24 วัน เพื่อประสบการณ์การใช้งานในการติดตามสุขภาพที่ดี และตัวอุปกรณ์ยังสามารถปรับแต่งได้ด้วยตัวเลือกสายนาฬิกาหลากหลายสี พร้อมด้วยตัวเรือนกรอบอะลูมิเนียมอัลลอยด์คุณภาพพรีเมียม และเม็ดมะยมที่ได้รับการอัปเกรดเพื่อความสะดวกสบายและทันสมัยอีกด้วย3

Redmi Watch 5 มีมอเตอร์เชิงเส้นที่ช่วยให้การตอบสนองแบบสัมผัสเป็นไปได้อย่างเงียบและแม่นยำ และยังรองรับการโทรผ่านบลูทูธ® พร้อมไมโครโฟนคู่ที่ลดเสียงรบกวนที่ช่วยให้การโทรนั้นชัดเจนแม้จะใช้งานอยู่ในสภาพแวดล้อมกลางแจ้งที่มีเสียงดังหรือมีลมแรง Redmi Watch 5 ยังมีอัลกอริทึมอัตราการเต้นของหัวใจแบบใหม่

ที่ได้รับการพัฒนามาโดยบริษัทโดยเฉพาะ ซึ่งจะช่วยปรับปรุงความแม่นยำในการติดตามอัตราการเต้นของหัวใจ และผู้ใช้ยังสามารถติดตามอัตราการเต้นของหัวใจ ออกซิเจนในเลือด และคุณภาพการนอนหลับ ได้ตลอดทั้งวันอีกด้วย นอกจาก Redmi Watch 5 ยังเป็นคู่หูการออกกำลังกายที่ดีที่สุดโดยมีโหมดกีฬามากกว่า 150 โหมด

และระบบ GNSS ในตัว 5 ระบบ ที่ออกแบบมาเพื่อการติดตามกิจกรรมกลางแจ้งได้อย่างแม่นยำ พร้อมการการรับรองการกันน้ำ 5ATM22 ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ชื่นชอบกีฬาทางน้ำ Redmi Watch 5 มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Obsidian Black, Silver Gray และ Lavender Purple

พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของก่อนใครที่ mi.com ระหว่างวันที่ 11-17 มกราคม 2568 และจะวางจำหน่ายในช่องทางต่างๆ อย่างเป็นทางการในวันที่ 18 มกราคม 2568 เป็นต้นไป โดย Redmi Watch 5 จะวางจำหน่ายในราคาพิเศษ 3,490 บาท (จากราคาปกติ 3,990 บาท)

Xiaomi

Xiaomi Smart Audio Glasses และ Xiaomi Smart Audio Glasses Replacement Kit

Xiaomi Smart Audio Glasses เป็นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ผสานเอาแว่นตาและเสียงเข้าไว้ด้วยกัน โดยตัวอุปกรณ์มาพร้อมเทคโนโลยีสนามเสียงเปิด (open sound field technology) ในการนำเสียงทางอากาศ (air conduction) มาใช้ ทำให้เสียงมีความคมชัดและให้คุณสามารถฟังเพลงที่ไพเราะ

ในขณะที่ยังสามารถรับเสียงจากภายนอกได้ในเวลาเดียวกัน ทั้งยังมาพร้อมโครงสร้างสนามเสียงแบบย้อนกลับ (inverse sound field structure) ที่จะช่วยลดการรั่วไหลของเสียงและคงความเป็นส่วนตัวในการโทรได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับการปรับเทียบอัตโนมัติ (Automatic calibration) ที่จะช่วยคืนค่าให้กับคุณภาพของเสียง

และยังมาพร้อมกับอัลกอริทึมตัดเสียงสะท้อนเพื่อรับเสียงของผู้โทรได้อย่างแม่นยำจึงทำให้คุณสนทนากลางแจ้งได้อย่างไร้กังวล และ Xiaomi Smart Audio Glasses ยังมีนวัตกรรมที่หลากหลายซึ่งถูกอออกแบบมาเพื่อให้คุณนั้นได้สวมใส่อย่างสบายและรองรับกับสรีระของใบหน้า

โดย Xiaomi Smart Audio Glasses ยังมาพร้อม Xiaomi Smart Audio Glasses Replacement Kit ที่มีโครงสร้างแบบปลดเร็วและข้อต่อแบบหัวเข็มขัดคงที่ลูกปืนคู่ที่จะช่วยให้คุณสามารถเปลี่ยนกรอบได้ง่ายขึ้นภายใน 1 วินาที โดยจะเปลี่ยนแว่นตาของคุณให้พิเศษยิ่งขึ้นไปอีกในการใช้เป็นแว่นตากันแดดสุดเท่ได้ในทันที

Xiaomi Smart Audio Glasses พร้อมด้วย Xiaomi Smart Audio Glasses Replacement Kit จะวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในวันที่ 11 มกราคม 2568 เป็นต้นไป ที่ เสียวหมี่ สโตร์ และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม

พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่ซื้อ Xiaomi Smart Audio Glasses พร้อมด้วย Xiaomi Smart Audio Glasses Replacement Ki ในระหว่างวันที่ 11 มกราคม-28 กุมภาพันธ์ 2568 สามารถซื้อได้ในราคาพิเศษ 4,490 บาท (จากราคาปกติ 5,990 บาท)

Xiaomi

เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Smart Air Purifier Elite

เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Smart Air Purifier Elite สามารถกรองอากาศสะอาดได้ถึง 10,000 ลิตรต่อหนึ่งนาที และยังมีเทคโนโลยีพลาสมาที่ผสานเข้ากับ UV-C LED ที่ช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียและไวรัสได้ถึง 99% รวมไปถึง High-iodine activated carbon ที่จะเข้ามาร่วมกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในห้องอีกด้วย

นอกจากนี้ตัวอุปกรณ์ยังได้รับการรับรองจาก TÜV Rheinland Allergy Care Certification เพื่อช่วยป้องกันคุณจากสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ เช่น ละอองเกสร ไรฝุ่นและสะเก็ดผิวหนังของสัตว์เลี้ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพถึง 99% ใน 1 ชั่วโมง ทั้งนี้ตัวอุปกรณ์นั้นมาพร้อมกับการกรองถึงสามชั้นเพื่อการปกป้องขั้นสุด

เพื่อให้คุณสามารถสูดอากาศสะอาดได้อย่างปลอดภัย โดยรวมไปถึงเซ็นเซอร์เลเซอร์คู่ที่สามารถตรวจจับอาณุภาค PM2.5-PM10 ผู้ใช้สามารถตรวจสอบคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ด้วยไฟแสดงสถานะสี่สีที่ใช้งานและควบคุมได้อย่างง่ายดายได้ผ่าน Mi Home App ที่สามารถใช้งานร่วมกับ Google Assistant และ Amazon Alexa ด้วยคำสั่งเสียงอัจฉริยะได้อีกด้วย

Xiaomi Smart Air Purifier Elite พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของก่อนใครที่ mi.com ระหว่างวันที่ 11-20 มกราคม 2568 และจะวางจำหน่ายในช่องทางต่างๆ อย่างเป็นทางการในวันที่ 21 มกราคม 2568 เป็นต้นไป โดย Xiaomi Smart Air Purifier Elite จะวางจำหน่ายในราคาพิเศษ 11,990 บาท (จากราคาปกติ 13,990 บาท)

Xiaomi

ทีวีอัจฉริยะ Xiaomi TV Max 85 2025

Xiaomi TV Max 85 2025 มอบประสบการณ์โฮมเธียเตอร์สุดพิเศษด้วยจอ QLED ขนาดใหญ่พิเศษ ความคมชัดระดับ 4K UHD ขอบเขตช่วงสีที่กว้างกว่า DCI-P3 94% (typ) อัตราการรีเฟรช 144Hz และเทคโนโลยี 4K 120Hz MEMC ที่ช่วยให้คุณเพลิดเพลินไปกับการรับชมกีฬาความเร็วสูง

ภาพยนตร์แอคชั่น หรือการเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล นอกจากนี้โหมด Game Boost ยังยกระดับประสบการณ์ขึ้นไปอีกขั้นด้วยอัตราการรีเฟรช 240Hz เพื่อการรับชมที่ลื่นไหลเป็นพิเศษในทุกช่วงเวลา Xiaomi TV Max 85 2025 ยังรองรับภาพจาก Dolby Vision® และรองรับเสียงสเตอริโออันทรงพลังจาก Dolby Atmos® ด้วยพร้อมลำโพง 2 x 15W ที่จะเปลี่ยนให้ห้องไหนก็ตามให้เป็นโรงภาพยนตร์ไปเลยอีกด้วย

Xiaomi TV Max 85 2025 ใช้โปรเซสเซอร์ Quad Cortex-A73 และ Mali-G52 (2EE) MC1 GPU จึงมีการประมวลผลภาพที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่ได้รับการปรับปรุงด้วย AI PQ เพื่อคุณภาพของภาพที่เหนือกว่า และ AI SR เพื่อความละเอียดที่คมชัดยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ Xiaomi TV Max 85 2025 ยังมาพร้อม Google TV™ ที่ช่วยให้คุณเข้าถึงภาพยนตร์ รายการทีวี และรายการถ่ายทอดสดที่คุณชื่นชอบได้อย่างง่ายดาย34 และยังรองรับ Google Assistant™35 และ Chromecast™ ในตัว และในกรณีที่มีการใช้งานที่หลากหลายคุณยังสามารถควบคุมทีวีของคุณได้

โดยใช้ Xiaomi Watch 217 แบบไม่ต้องใช้รีโมตอีกด้วย เพียงแค่เข้าแอป Xiaomi TV Remote บนนาฬิกาของคุณก็จะสามารถควบคุมทีวีของคุณได้อย่างไร้รอยต่อ Xiaomi TV Max 85 2025 พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของก่อนใครที่ mi.com และช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์ที่ร่วมรายการ

ระหว่างวันที่ 11-14 มกราคม 2568 และจะวางจำหน่ายในช่องทางต่างๆ อย่างเป็นทางการในวันที่ 15 มกราคม 2568 เป็นต้นไป โดย Xiaomi TV Max 85 2025 จะวางจำหน่ายในราคาพิเศษ 39,990 บาท (จากราคาปกติ 49,990 บาท)

Xiaomi

Xiaomi Smart Projector L1

Xiaomi Smart Projector L1 เป็นโปรเจคเตอร์อัจฉริยะที่ใช้งานได้อย่างง่ายดาย โดยตัวอุปกรณ์รองรับการโฟกัสอัตโนมัติ การปรับแก้ภาพคีย์สโตนอัตโนมัติ ทั้งยังรองรับการใช้งานและรับชมเนื้อหาต่างๆ อาทิ Netflix, YouTube, Disney+, Prime Video, หรือ การใช้งาน Google Assistant Voice

นอกจากนี้ยังรองรับระบบเสียงจาก Dolby Audio อีกด้วย โดย Xiaomi Smart Projector L1 จะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเร็ว ๆ นี้ นอกจากนี้ เสียวหมี่ ประเทศไทย ยังประกาศวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ AIoT อื่น ๆ 

อาทิ Xiaomi 165W Power Bank 10000, Xiaomi 33W Power Bank 10000, Xiaomi 2K Monitor A27Qi อีกด้วย

Xiaomi

Xiaomi

Xiaomi

ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) 
*** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A

สามารถกดติดตามข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่  www.facebook.com/itday.in.th

ITDay