AIS ทุ่มงบ 100 ล้านบาท พร้อมนำ 5G ร่วมแก้วิกฤติ COVID-19 เพื่อคนไทย

เปิดวิสัยทัศน์ CEO AIS นำ 5G ร่วมแก้วิกฤติ COVID-19 เพื่อคนไทยกางแผนภารกิจเร่งด่วน ใช้งบกว่า 100 ล้านบาท ทุ่มกำลัง เครือข่าย นวัตกรรม บุคลากรช่วยแพทย์…

highlight

  • สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอส ประกาศนำ 5G ร่วมแก้วิกฤติ COVID-19 เพื่อคนไทย
    กางแผนภารกิจเร่งด่วน ใช้งบกว่า 100 ล้านบาท ทุ่มสรรพกำลัง เครือข่าย นวัตกรรม บุคลากร
    นำ 5G เสริมทัพ สนับสนุนการแพทย์ ช่วยลดเสี่ยง ลดงาน หมอพยาบาล จัดทัพองค์กร! รวมพลังทุกภาคส่วน พาประเทศก้าวข้ามวิกฤติไปด้วยกั
  • AIS ทุ่มงบ 100 ล้านบาท นำกำลังบุคคลากร และเทคโนโลยี 5G ช่วยบุคลากรการแพทย์

สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ประกาศ เดินหน้าจัดทัพองค์กร ทุ่มสรรพกำลัง ทั้งเครือข่าย เทคโนโลยีสำคัญใหม่ล่าสุดอย่าง 5G และ พลังของ “คน” เอไอเอส ร่วมพาคนไทยฝ่าวิกฤติไวรัส COVID-19 ล็อคเป้า

นำ 5G สนับสนุนบริการทางการแพทย์ และงานสาธารณสุข ด้วยศักยภาพของ 5G ที่มีพลานุภาพสูงมาก ทั้งในแง่ของอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง มีความเร็ว (Speed) การตอบสนองต่อการสั่งงานที่รวดเร็ว มีความหน่วง (Latency) ต่ำ พร้อมรองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT ที่หลากหลาย (IoT Connectivity)

จึงมีความเหมาะสมอย่างยิ่ง ที่จะนำมาประยุกต์ใช้เป็นโครงข่ายดิจิทัลพื้นฐานสำคัญต่อการปฏิบัติงานทางการแพทย์ ซึ่งเอไอเอสมีประสบการณ์การทดลองทดสอบ 5G ในอุตสาหกรรมต่างๆ รวมทั้งการแพทย์ จึงเชื่อมั่นว่า 5G จะเป็นส่วนหนึ่งที่ร่วมแก้ปัญหา พาประเทศก้าวพ้นวิกฤติ COVID-19

AIS

 3 ภารกิจ “AIS 5G สู้ภัย COVID19” เพื่อคนไทย

ติดตั้งเครือข่าย 5G ใน 20 รพ. ที่รับตรวจ และรักษาผู้ป่วย COVID-19 และกำลังขยาย Coverage 5G ให้ครอบคลุมพื้นที่ รพ. ในกทม.และปริมณฑลอีก 130 รพ. และในต่างจังหวัดอีก 8 รพ. รวมทั้งสิ้น 158 รพ. ภายในเดือนเมษายน 2563 เพื่อรองรับการปฏิบัติงานของเทคโนโลยี และโซลูชันส์ทางการแพทย์

 

ที่ต้องการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และการตอบสนองที่รวดเร็วอย่างยิ่ง 5G จึงเป็นโครงข่ายที่เหมาะสม เพราะทุกวินาทีมีความหมายต่อชีวิต นอกจากนี้ ยังพร้อมสนับสนุนระบบสื่อสาร ทั้ง เอไอเอส ไฟเบอร์, 4G, เอไอเอส ซุปเปอร์ ไว-ไฟ และสมาร์ทดีไวซ์ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการของ รพ.

AIS

ผลักดันนวัตกรรมการแพทย์ในช่วงการระบาด COVID-19 ตั้งศูนย์เฉพาะกิจเอไอเอส Robotic Lab ระดมนักวิจัยนักพัฒนาที่เชี่ยวชาญด้านดิจิทัล พัฒนาหุ่นยนต์ทางการแพทย์ 5G Telemedicine และโซลูชันส์งานบริการทางแพทย์

โดยทำงานร่วมกับ รพ. เพื่อให้สอดรับกับความต้องการเฉพาะของแต่ละรพ. พร้อมเปิดกว้างในการพัฒนาหุ่นยนต์ร่วมกับคนไทยทุกภาคส่วน

AIS

พัฒนาหุ่นยนต์ทางการแพทย์ 5G Telemedicine เวอร์ชั่นใหม่ ROBOT FOR CARE จำนวน 21 ตัว โดย เอไอเอส Robotic Lab ทยอยส่งมอบให้กับรพ. 20 แห่ง ที่รับตรวจและรักษาผู้ป่วย COVID-19 เพื่อให้หุ่นยนต์ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยหมอพยาบาล ตรวจคัดกรองคนไข้

ด้วยระบบอัจฉริยะ Thermoscan, ระบบปรึกษาทางไกลระหว่างคนไข้และหมอผ่าน VDO CALL โดยที่หมอกับคนไข้ไม่ต้องอยู่ในห้องเดียวกัน หรือสัมผัสใกล้กัน โดยสามารถบังคับหุ่นยนต์ให้เคลื่อนที่ผ่าน 5G ช่วยแบ่งเบาภาระ ลดการแออัด และลดเสี่ยงติดเชื้อทั้งผู้ป่วยและบุคลากรทางการแทพย์

AIS

“วิกฤติในครั้งนี้ ทุกคนมีส่วนร่วมในการนำประเทศชาติ ผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปพร้อมกันได้ ผมเชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทย ไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทหน้าที่ใด เราต่างก็มีหัวใจเดียวกันที่พร้อมจะช่วยเหลือและประคับประคองให้บ้านเมืองเรา สามารถก้าวผ่านสถานการณ์นี้ไปได้

สำหรับ เอไอเอส ในฐานะภาคเอกชนซึ่งมีหน้าที่หลักในการดูแล Digital Infrastructure ที่ถือเป็นแพลตฟอร์มหัวใจสำคัญของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนทำงานที่กำลังทำงานอยู่ที่บ้าน Working from home, นักเรียน นักศึกษา Learning from Home และสำคัญสุดคือ งานบริการสาธารณสุขและสาธารณูปโภคต่าง ๆ

ที่ต้องรองรับการใช้ชีวิตประจำวันของพวกเรา ล้วนแล้วแต่ใช้ Digital Infrastructure เป็นสื่อกลางทั้งสิ้น
ผมเน้นย้ำเสมอว่า หน้าที่ของชาวเอไอเอสทุกคนที่คิดอยู่ในทุกลมหายใจ คือจะต้องรักษาเครือข่ายและบริการของเราอย่างดีที่สุด บริการของเราต้องต่อเนื่องด้วยคุณภาพมาตรฐานของเอไอเอสเช่นเดิม

ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัส COVID-19 ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ เรายังคงยืนหยัด และตั้งมั่นในฐานะ Digital life service provider for Thais เช่นเดิม

ว่าเราจะทำหน้าที่ให้บริการลูกค้าอย่างดีที่สุด และพร้อมนำศักยภาพและขีดความสามารถต่างๆ ที่เรามีร่วมสนับสนุนภารกิจของประเทศให้ก้าวผ่านวิกฤตินี้ไปให้ได้” สมชัย กล่าวเสริม

วางนโยบายการบริหารจัดการ และมาตรการช่วยเหลือ ดูแล เพื่อมอบความอุ่นใจ และกำลังใจให้ลูกค้า คนไทย และพนักงาน

ดูแลลูกค้าอุ่นใจ : นับจากที่การแพร่ระบาดในประเทศเริ่มรุนแรงขึ้น เรามีแผนความพร้อมด้านเครือข่ายทั้ง Mobile และ Fibre รวมถึง ช่องทางบริการ Online เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า ไม่ต้องเดินทางออกจากบ้าน ตลอดจน แพ็กเกจ โซลูชันส์ สิทธิพิเศษ และคอนเทนต์บันเทิง

เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตทุกด้าน โดยเตรียมแผน BCP – Business Continuity Plan ภายใต้เป้าหมายว่า “ลูกค้าทุกท่านจะต้องใช้บริการคุณภาพได้ดีเช่นเดิม” การใส่ใจดูแลลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ ต้องคิดอย่างรอบด้าน และทันต่อสถานการณ์ “ในช่วงแรกที่สถานการณ์เริ่มขยายตัว

เอไอเอส ได้มอบความคุ้มครอง ประกันภัย COVID-19 ให้กับลูกค้าฟรีเป็นรายแรก จนกระทั่งในปัจจุบัน ซิมหลายแพ็คเกจของเราที่ขายในตลาดก็ยังมอบประกันภัยโควิดไปด้วยเช่นกัน และยังได้มอบความคุ้มครองนี้ให้กับพนักงานเอไอเอสทุกระดับ, คู่ค้า และช่างติดตั้ง เอไอเอส ไฟเบอร์ ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติงานใน Touchpoint ที่อาจมีความเสี่ยงอีกด้วย

ขณะที่ แนวคิด Social Distancing ถูกนำมาใช้อย่างจริงจัง ด้วยวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป เราจึงได้
จัดแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตและโซลูชัน เอไอเอส Working From Home โดยความร่วมมือเป็นเอ็กซ์คลูซีฟพาร์ทเนอร์กับ Microsoft เพื่อให้ลูกค้าสามารถทำงาน ทำธุรกิจ จากที่บ้าน ได้อย่างไร้รอยต่อ

รวมทั้ง การสนับสนุนภาคการศึกษา ออก Student SIM card แพ็กเกจอินเทอร์เน็ตราคาประหยัด ให้นักเรียน นักศึกษา ได้เรียนหนังสือจากที่บ้าน รวมไปถึงการมอบสิทธิพิเศษให้ลูกค้าเอไอเอสชมฟรี! ความบันเทิงบน เอไอเอส PLAY และกล่อง PLAYBOX และยังได้ร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ผู้ให้บริการฟู้ดเดลิเวอรี

ยอดนิยมของคนไทย ได้แก่ foodpanda และ LINE MAN มอบส่วนลดสั่งอาหารและค่าส่ง ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในสถานการณ์นี้ให้สะดวกและอุ่นใจยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังได้เตรียมพร้อมบริการบนออนไลน์ ทั้งแอป มายส์ เอไิเอส, เอไอเอส ออนไลน์ สโตร์ และ เอไอเอส คอนแทค เซ็นเตอร์ ตลอด 24 ชั่วโมง

AIS

เพื่อให้ลูกค้าสามารถธุรกรรมต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกเช่นเดิม ในขณะเดียวกัน ยกระดับมาตรการดูแลความปลอดภัยลูกค้าและพนักงาน ที่ยังคงจำเป็นต้องมาใช้บริการที่ เอไอเอส ช็อป ด้วยการติดตั้งแผงกั้นอะคริลิคใส ณ เคาน์เตอร์บริการ เพื่อปกป้อง และเพิ่มระยะห่าง ระหว่างลูกค้าที่มารับบริการกับพนักงาน ลดความเสี่ยง และสร้างความอุ่นใจ

ดูแลพนักงานอุ่นใจ : เป้าหมายอันดับ 1 ในการดูแลพนักงาน คือความปลอดภัยและสุขอนามัยของพนักงานทุกคน
ตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดในระดับสูงสุด รวมถึง เน้นย้ำเรื่อง Social Distancing ในพื้นที่ส่วนรวมอย่างจริงจัง โดยมีการซักซ้อมแผน Business Continuity Plan

เพื่อให้พนักงานทุกระดับ มีความเข้าใจในหลักการและพร้อมปฏิบัติงานภายใต้สถานการณ์ต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างแม่นยำ ตลอดจนสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง ไม่หยุดชะงัก พร้อมนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เอไอเอสนำเทคโนโลยีมาพลิกวิถีชีวิตการทำงานรูปแบบเดิม ทลายขีดจำกัด จากที่เราประกาศให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน เพื่อลดการระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ตามนโยบายของประเทศ โดยพนักงานเอไอเอสกว่า 90% สามารถทำงานจากที่บ้านได้อย่างสะดวก ผ่านโปรแกรม Microsoft Office 365

ทำให้หลายคนได้ค้นพบทักษะใหม่ ๆ ไอเดียใหม่ ๆ ที่ในบางครั้งในช่วงเวลาปกติ อาจไม่มีโอกาสได้ทำขณะเดียวกัน ก็ยังมีทีมที่ต้องทำงานปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ อย่างทีม เอไอเอส คอนแทค เซ็นเตอร์ และ ทีมวิศวกรที่ช่วยดูแลเครือข่าย ก็ยังคงสับเปลี่ยนปฏิบัติงานดูแลลูกค้าให้ดีที่สุด ตลอด 24 ชั่วโมง

ในสภาวะเช่นนี้ ขวัญกำลังใจก็เป็นสิ่งสำคัญ บริษัทจึงเน้นการสื่อสารอย่างต่อเนื่องกับพนักงาน และขอบคุณพนักงานทุกคน ทุกตำแหน่งหน้าที่ ที่มุ่งมั่นในการทำงานอย่างไม่ลดละ ด้วยปณิธานเดียวกัน คือ เพื่อมอบบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าเอไอเอสและคนไทย

ดูแลคนไทยอุ่นใจ ภายใต้ภารกิจ “เอไอเอส 5G สู้ภัย COVID-19” : การช่วยเหลือสังคม ถือเป็นภารกิจที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ด้วยวิกฤตินี้ ยังไม่มีตำราเล่มไหนเคยเขียนบอกไว้ การรวมพลังสามัคคี เพื่อขบคิดแก้ปัญหาจึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด

พวกเรามุ่งมั่นทุ่มเทสรรพกำลัง ทั้งเครือข่าย นวัตกรรม และบุคลากร เข้ามาช่วยกันอย่างเต็มที่
โดยธงของเรา คือ การนำศักยภาพของ 5G เข้ามาช่วยสนับสนุนระบบสาธารณสุข และการแพทย์ ซึ่งเป็นกลุ่มบุคลากรที่เสียสละ เป็นหน้าด่านสำคัญที่สู้รบกับเชื้อไวรัส

เราจึงอยากจะช่วยแบ่งเบาภาระ ลดงาน ลดความเสี่ยงให้หมอพยาบาล เพื่อให้ทุกท่านได้ช่วยดูแลประชาชนต่อไป
โดยแผนงาน เอไอเอสจะนำเครือข่าย 5G เข้าไปติดตั้งให้กับ รพ. 20 แห่ง ที่รับตรวจและรักษาผู้ป่วย COVID-19 พร้อมมอบหุ่นยนต์ทางการแพทย์ 5G Telemedicine จำนวน 21 ตัว  ให้กับ รพ. ดังกล่าว

AIS

โดยอยู่ระหว่างดำเนินการส่งมอบ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน 2563 โดยมี รพ. ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ได้แก่ รพ. จุฬาลงกรณ์, รพ. ราชวิถี, รพ. ศิริราช, รพ. รามาธิบดี, รพ. วิชัยยุทธ, รพ. ศิริราชปิยมหาราชการุณย์, รพ. แพทย์รังสิต, รพ. พญาไท 1, รพ. พญาไท 2, รพ. พญาไท 3,

รพ. พญาไทนวมินทร์, รพ. กรุงเทพคริสเตียน, รพ. พระราม 9, รพ. เปาโลเมโมเรียลพหลโยธิน (สะพานควาย), รพ. เปาโลเมโมเรียลโชคชัย 4, รพ. เปาโลเมโมเรียลสมุทรปราการ, รพ. เปาโลเมโมเรียลรังสิต, รพ. เปาโลเมโมเรียลเกษตร,กรมแพทย์ทหารเรือ และสถาบันบำราศนราดูร      

และเตรียมขยาย Coverage 5G ให้ครอบคลุมพื้นที่ รพ. ในกทม.และปริมณฑลอีก 130 รพ. และในต่างจังหวัดอีก 8 รพ. รวมทั้งสิ้น 158 รพ. ภายในเดือนเมษายน 2563

AIS

รวมทั้ง ยังได้ระดมบุคลากรนักวิจัยและนักพัฒนาที่เชี่ยวชาญด้านดิจิทัล ทั้งคนเอไอเอสและพันธมิตร ตั้งศูนย์ “เอไอเอส Robotic Lab by AIS NEXT” ร่วมคิดค้นพัฒนาหุ่นยนต์ และโซลูชั่นส์เกี่ยวกับ 5G Telemedicine, Telehealth ด้วยเล็งเห็นถึงประโยชน์ของหุ่นยนต์จะเข้ามาช่วยลดเสี่ยงในการสัมผัสใกล้ชิดกับคนไข้โดยตรง

เพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการทางการแพทย์ ช่วยลดงาน ทำให้สามารถดูแลคนไข้ได้มากยิ่งขึ้น ผลงานแรกที่พัฒนาได้สำเร็จ คือ หุ่นยนต์ทางการแพทย์ 5G ในชื่อ ROBOT FOR CARE จำนวน 21 ตัว เตรียมส่งมอบให้กับ 20 รพ. ข้างต้น

นอกจากนี้ ยังมีการสนับสนุนอื่นๆ จากพลังของชาวเอไอเอส ที่เป็นเหมือนการส่งต่อกำลังใจให้นักรบเสื้อขาว หรือ บุคลากรทางการแพทย์ ตั้งแต่การมอบหน้ากาก (Mask) ที่กำลังขาดแคลนอย่างมาก, การมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงสนับสนุนช่องทางสื่อสารเพื่อให้คนไทยได้ส่งกำลังใจ และมีความตระหนักรู้ในการใช้ชีวิตอย่างปลอดภัย ทั้งสุขภาพกาย สุขภาพใจ ในช่วงวิกฤต COVID-19 ครั้งนี้

เอไอเอสขอปวารณาตัว ร่วมเป็นกำลังสำคัญ และแรงพลังในการสนับสนุนทุกภาคส่วน ปฏิบัติภารกิจเพื่อให้ประเทศกลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็ว วันนี้ ทุกฝ่ายต่างแข็งขันร่วมมือร่วมใจกันในหลายบทบาทหน้าที่ต่างกันไป ทำให้เห็นว่าคนไทยมีน้ำใจช่วยเหลือกันในยามยากลำบาก แล้วเราจะจับมือกันฟันฝ่าผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปด้วยกันอย่างแน่นอน” 

ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) 
*** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก www.pexels.com

สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่  www.facebook.com/itday.in.th

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.