Canon ปล่อยหมัดเด็ดปลายปี 62 ส่ง EOS-1D X Mark III ลงตลาด

แคนนอน (Canon) ฉลองครบรอบ 30 ปี เผยหมัดเด็ด 4 จุดเปลี่ยนใน Canon EOS-1D X Mark IIIที่สุดของตำนาน DSLR ที่เหล่าช่างภาพมืออาชีพรอคอย…

highlight

  • แคนนอนเผยโฉม EOS 1D X Mark III รุ่นใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อม ฟังก์ชันที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีขั้นสูง อาทิ สามารถถ่ายภาพนิ่งด้วยไฟล์ 10-bit HEIF, สามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้ที่ 16 ภาพต่อวินาที เมื่อใช้ OVF หรือ 20 ภาพต่อวินาทีเมื่อใช้ Live View , สามารถบันทึกวิดีโอ 4K, เลือกใช้ได้ทั้งแคนนอน Log และวิดีโอ RAW format รองรับการโฟกัสอัตโนมัติแบบติดตาม (AF) และการติดตามแสงอัตโนมัติ (AE) ไม่ว่าจะถ่ายภาพด้วยช่องมองภาพออปติคอล (OVF) หรือ Live View, ซ็นเซอร์ AF จะช่วยให้การโฟกัสเมื่อถ่ายภาพผ่าน OVF มีความแม่นยำสูง, สามารถถ่ายโอนข้อมูลได้เร็วขึ้นกว่าอุปกรณ์ส่งไฟล์ไร้สายรุ่นก่อนหน้า (WFT-E8) ถึง 2 เท่า, สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน และอุปกรณ์มือถืออื่นๆ ผ่าน Wi-Fi และBluetooth, สามารถใช้งานร่วมกับรีโมทคอนโทรลระบบ Pan-Tilt และโครงสร้างที่ทำจากแมกนีเซียมอัลลอยด์ 

Canon EOS-1D X Mark III ที่สุดของตำนาน DSLR

แคนนอน ประกาศความคืบหน้าการพัฒนากล้อง Canon EOS-1D X Mark III ไลน์อัพล่าสุดในตระกูล EOS-1 series ที่มีชื่อเสียงในวงการช่างภาพกีฬา และสายถ่ายภาพพอร์เทรตมืออาชีพ โดย แคนนอน EOS 1D X Mark III รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ จะจัดเต็มเรื่องคุณภาพของการถ่ายภาพให้ยอดเยี่ยม

ที่มีประสิทธิภาพการถ่ายภาพต่อเนื่องอันทรงพลัง และการใช้งานที่เหนือระดับเพิ่มขึ้นกว่า รุ่น EOS-1D X Mark II ที่ออกสู่ตลาดเมื่อกลางปี 2559 โดยกล้องเรือธงในตระกูล EOS-1 series เริ่มพัฒนาขึ้นตั้งแต่ปี 2532 ซึ่งปีนี้ถือเป็นการครบรอบ 30 ปีที่กล้อง Canon EOS-1 รุ่นแรกถูกพัฒนาขึ้น

โดยแนวคิดดั้งเดิมของระบบ EOS คือให้ระบบอัตโนมัติช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของช่างภาพมืออาชีพที่ใช้งานกล้องในตระกูล EOS-1 จัดเต็มด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยฟังก์ชันการใช้งานที่เหนือระดับ ความทนทาน แข็งแรง และความเชื่อถือได้ โดยในปี 2544 แคนนอนได้เปิดตัวกล้องดิจิทัลเรือธงตัวแรก Canon EOS-1D 

นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาแคนนอนก็ไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนากล้องใหม่ๆ ออกมา โดยมุ่งมั่นที่จะพัฒนาต่อยอดเพื่อเพิ่มคุณภาพให้กับภาพถ่ายรวมถึงความสามารถในการถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูง พร้อมฟังก์ชันที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีขั้นสูงของแคนนอน สร้างชื่อเสียงจนกลายเป็นกล้องแนวหน้าในกลุ่มช่างภาพหลากหลายสายงาน อาทิ ช่างภาพข่าว สื่อสารมวลชน กีฬา เชิงพาณิชย์

และช่างภาพธรรมชาติ และด้วยประสบการณ์การทำงานร่วมกับช่างภาพมืออาชีพ ทั้งในงานแข่งกันกีฬาใหญ่ๆ มากมายในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา และการรับฟังความคิดเห็นจากผู้ใช้งานเพื่อนำมาพัฒนาเป็นนวัตกรรมอุปกรณ์แห่งการถ่ายภาพที่ล้ำสมัยที่ตอบโจทย์ตรงใจนักถ่ายภาพทุกแขนง ล่าสุด ได้พัฒนากล้องรุ่นใหม่ EOS-1D X Mark III ที่คุณสมบัติโดดเด่นมากมาย ดังต่อไปนี้

Canon

เซ็นเซอร์ CMOS และระบบประมวลผลภาพแบบใหม่

เซ็นเซอร์ CMOS และระบบประมวลผลภาพลิขสิทธิ์เฉพาะของแคนนอนที่กำลังพัฒนาอยู่นี้ จะมีความไวในการถ่ายภาพนิ่งมากขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อน อีกทั้งสามารถถ่ายภาพนิ่งด้วยไฟล์ 10-bit HEIF นอกจากนี้กล้องจะสามารถบันทึกวิดีโอ 4K ลงบนเมมโมรี่การ์ด ที่ 60p ให้คุณภาพสี YCbCr 4:2:2 ที่ 10-bit

โดยเลือกใช้ได้ทั้งแคนนอน Log และวิดีโอ RAW format รองรับการโฟกัสอัตโนมัติแบบติดตาม (AF) และการติดตามแสงอัตโนมัติ (AE) ไม่ว่าจะถ่ายภาพด้วยช่องมองภาพออปติคอล (OVF) หรือ Live View อีกทั้งเพิ่มความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า โดยในโหมด AF

Tracking และ AE Tracking จะยังสามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้ที่ 16 ภาพต่อวินาที เมื่อใช้ OVF หรือ 20 ภาพต่อวินาทีเมื่อใช้ Live View ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อถ่ายภาพด้วย Live View ช่างภาพจะสามารถเลือกถ่ายภาพโดยใช้ชัตเตอร์แบบกลไก หรือชัตเตอร์แบบอิเล็กทรอนิกส์ได้อีกด้วย ทำให้ได้ภาพถ่ายสูงสุดเพิ่มขึ้นอีก 5 เท่า เมื่อถ่ายภาพต่อเนื่องด้วยไฟล์ RAW เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน

Canon

โฟกัสอัตโนมัติแม่นยำขึ้น

ด้วย เซ็นเซอร์ AF แบบใหม่ จะถูกนำมาใช้ในกล้องรุ่นนี้ ซึ่งจะทำให้จำนวนพิกเซลทำงานในพื้นที่ตรงกลางของพิกเซลเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 28 เท่าเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนนอกจากนี้สัญญาณความละเอียดสูงที่ได้จากเซ็นเซอร์ AF จะช่วยให้การโฟกัสเมื่อถ่ายภาพผ่าน OVF มีความแม่นยำสูง

นอกจากนี้ยังสามารถใช้การขยายช่วงความสว่างของ AF ได้ทั้งในการถ่ายภาพผ่าน OVF และการแบบ Live View ขณะที่ด้วย อัลกอริธึม AF ใหม่ ที่มีความเสถียรยิ่งขึ้น ทำให้สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีแบบระบบเรียนรู้เชิงลึก (Deep learning) ของปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาช่วยพัฒนาความสามารถในการโฟกัสติดตามวัตถุให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ทั้งในการถ่ายภาพผ่าน OVF หรือ Live View และด้วย โหมด Live View เซ็นเซอร์ AF จะทำงานครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 100% ในแนวตั้ง และประมาณ 90% ในแนวนอน นอกจากนี้ยังจุด AF ยังทำงานถึง 525 จุด เมื่อใช้การเลือกแบบอัตโนมัติ

การถ่ายโอนข้อมูล ตอบโจทย์ความต้องการของมืออาชีพ

เมื่อใช้งานกล้อง EOS-1D X Mark III ร่วมกับอุปกรณ์ส่งไฟล์ไร้สาย WFT-E9 ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา (อยู่ในระหว่างรออนุมัติตามกฎหมาย) จะสามารถถ่ายโอนข้อมูลได้เร็วขึ้นกว่าอุปกรณ์ส่งไฟล์ไร้สายรุ่นก่อนหน้า (WFT-E8) ถึง 2 เท่า และนอกจากนี้ WFT-E9

อีกทั้งยังสามารถใช้กับกล้องถ่ายภาพยนตร์ EOS C500 Mark II ซึ่งเตรียมวางจำหน่ายในเดือนธันวาคม 2562 ได้อีกด้วย และด้วยWFT-E9 สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน และอุปกรณ์มือถืออื่นๆ ผ่าน Wi-Fi และBluetooth  อีกทั้งยังสามารถบันทึกข้อมูล GPS ที่ตำแหน่งของการถ่ายภาพได้อีกด้วย

โดยเมื่อเชื่อมต่อ WFT-E9 เข้ากับ LAN ด้วยสาย จะสามารถส่งข้อมูลภาพได้เร็วกว่ารุ่นก่อนหน้าเป็น 2 เท่า อีกทั้งยังได้ พัฒนารูปแบบการใช้งานในส่วนของการเชื่อมต่อแบบใหม่ โดยเพิ่มฟังก์ชันให้สามารถเชื่อมต่อไปยังอุปกรณ์ต่างๆ ได้หลากหลายขึ้น รวมถึงสามารถใช้งานร่วมกับรีโมทคอนโทรลระบบ Pan-Tilt (ที่อยู่ในระหว่างการพัฒนา) เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการควบคุมกล้องจากระยะไกล

Canonออกแบบมาเพื่อให้ช่างภาพมืออาชี

ขณะที่ตัวกล้องได้ออกแบบให้แข็งแรงทนทาน ด้วยโครงสร้างที่ทำจากแมกนีเซียมอัลลอยด์ มีปุ่มด้านหลังพร้อมไฟ Back-lit ช่วยในการใช้งานในที่มืด และสามารถเปลี่ยนการ์ดหน่วยความจำ จาก CFast 2.0 มาใช้ CFexpress ทำให้สามารถเขียนข้อมูลได้เร็วขึ้น โดยมาพร้อมกับช่องเสียบการ์ดหน่วยความจำ 2 ช่อง

และมีปุ่ม AF Start มาพร้อมกับคุณสมบัติใหม่ ช่วยให้สามารถเปิดใช้งานการตั้งค่าการติดตาม AF ได้อย่างรวดเร็ว โดยผู้ใช้ไม่ต้องเสียจังหวะปล่อยนิ้ว นอกจากนี้ใช้แบตเตอรี่ LP-E19 แต่สามารถถ่ายภาพได้มากขึ้น ด้วยการออกแบบระบบการใช้พลังงานแบบใหม่

ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว)
*** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก www.pexels.com

สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่  www.facebook.com/itday.in.th