Aruba ESP แพลตฟอร์ม Intelligent Edge ที่จัดการเครือข่ายให้ง่ายดายกว่าเดิม

อรูบ้า เปิดตัว Aruba ESP แพลตฟอร์มคลาวด์-เนทีฟ (Cloud-Native)ที่สนับสนุนระบบเครือข่ายปลายทางอัจฉริยะ (Intelligent Edge) และช่วยให้ธุรกิจจัดการ Network ได้อย่างรวดเร็ว และง่ายดาย ด้วยพลังจากเทคโนโลยี AI และระบบ Automation…

highlight

  • Aruba ESP แพลตฟอร์มใหม่ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบอัตโนมัติ (Automation) ช่วยเปลี่ยนข้อมูลให้เป็นความเข้าใจเชิงลึกที่นำมาปฏิบัติได้ (Actionable Insights) ช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง และแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองความต้องการองค์กรธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

Aruba ESP แพลตฟอร์มบริหารการต่อเชื่อมต่อที่แก้ปัญหารวดเร็ว จัดการ Network อย่างง่ายดาย 

วันนี้ อรูบ้า ได้เปิดตัว อรูบ้า ESP (Edge Services Platform) แพลตฟอร์มใหม่ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ขับเคลื่อนแพลตฟอร์มคลาวด์-เนทีฟ (Cloud-Native) ที่สามาาถคาดการณ์ และแก้ไขปัญหาที่ระบบเครือข่ายส่วนปลาย (Network Edge) ก่อนที่ปัญหานั้นจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมโยงเน็ตเวิร์คจาก Campus Network

ศูนย์ Data Center หรือจากสาขา รวมถึงรูปแบบของการทำงานแบบใหม่ที่ให้พนักงานที่ปฏิบัติงานจากระยะไกล (Remote Worker) ผ่านเน็ตเวิร์คภายนอก โดย อรูบ้า ESP ได้พัฒนาขึ้นมาจาก AIOps, Zero Trust network security และ Unified Infrastructure ทำให้สามารถกำหนดขอบเขตให้ครอบคลุมทุกระบบเครือข่าย

อีกทั้งด้วยความสาารถในการ ทำงานได้โดยอัตโนมัติ (Automation) อย่างครบวงจรทั้งหมดในหนึ่งเดียวซึ่งสามารถวิเคราะห์ข้อมูลครอบคลุมทุกโดเมน รวมถึงยังสามารถตรวจสอบความผิดปกติ และปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานได้ด้วยตัวเอง โดยทีเป็นไปตามมาตรฐาน หรือข้อตกลงในการให้บริการ (SLA) 

ในขณะเดียวกันยังสามารถดูแล และรักษาความมั่นคงปลอดภัยจากอุปกรณ์ที่ไม่รู้จักซึ่งเชื่อมต่อเข้ามาในระบบเครือข่ายได้อีกด้วย ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถกำหนดได้ว่าอุปกรณ์ หรือโครงข่ายที่จะมาเชื่อมต่อกับเน็ตเวิร์ค นั้นสามารถเข้าถึงเน็ตเวิร์คได้ในระดับใด

Aruba ESP
ประคุณ เลาหกิตติกุล ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท อรูบ้า เน็ตเวิร์คส์ อิงค์

ประคุณ เลาหกิตติกุล ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท อรูบ้า เน็ตเวิร์คส์ อิงค์ เปิดเผยว่า ตลาดเทคโนโลยีได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทุก ๆ สิบปี หรือ สองทศวรรษที่ผ่านมา มีศูนย์กลางอยู่ที่เรื่องการทำงานบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ (Mobility)

ซึ่งนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ตามมาด้วยการย้ายไปยังแอพพลิเคชั่นบนคลาวด์ ขณะนี้เรากำลังเข้าสู่ยุคของการวิเคราะห์ข้อมูลที่ขับเคลื่อนโดย IoT, AI และระบบอัตโนมัติ (Automation) ที่ได้รับการสนับสนุนด้วยการประมวลผลและระบบเครือข่ายที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับแอปพลิเคชัน และภาระงานใหม่ ๆ 

ซึ่งทำงานประสานกันอยู่บนระบบคลาวด์แต่การปฏิบัติงานอยู่ที่ส่วนปลายของระบบเครือข่าย (Edge) เป็นผลให้องค์กรต่างสร้างข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้างจำนวนมหาศาลขึ้นมา แต่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ หรือจัดการกับการเชื่อมต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยหากนำข้อมูลการเชื่อมโยงมาวิเคราะห์ และดำเนินการอย่างเหมาะสมแล้ว ธุรกิจต่าง ๆ สามารถใช้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน สร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้ผู้ใช้ และทำให้เกิดผลลัพธ์ใหม่ ๆ ที่ดีทางธุรกิจได้อีกด้วย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันนี้ การนำข้อมูลการเชื่อมโยงมาวิเคราะห์ และดำเนินการอย่างเหมาะสม ถือว่ากุญแจสำคัญของการเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์ ให้กลายเป็นการสร้างความเข้าใจเชิงลึกที่นำมาใช้ปฏิบัติได้ และทวีความสำคัญมากขึ้นเมื่อปัจจุบันธุรกิจกำลังเผชิญกับช่วงเวลานี้ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์อยา่ง โควิด-19

องค์กรธุรกิจ พนักงาน และ ระบบเครือข่าย ในวันนี้จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องปรับตัวให้ทันกับความต้องการทางธุรกิจและสถานที่ทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ด้วยการใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง (Unstructured data) ที่เกิดขึ้น

ด้วยการทำความเข้าใจ ผู้คน อุปกรณ์ รวมถึงสิ่งต่าง ๆ ที่กำลังเชื่อมต่อเข้าสู่โลกดิจิทัลผ่านระบบอินเตอร์เน็ตไร้สาย (Edge) แต่การที่เชื่อมโยงได้ในรูปแบบของ Edge ธุรกิจจำเป็นต้องสามารถใช้พลังระบบเครือข่ายได้มากกว่าการใช้เพียงความชำนาญของผู้เชี่ยวชาญด้านเน็ตเวิร์ค แต่ต้องใช้พลังของเทคโนโลยีที่ฉลาด และเรียนรู้ได้อย่าง

เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ (AI) เพื่อช่วยในการตรวจวัดระบบเครือข่ายจากระยะไกลอัตโนมัติ (Network Telemetry) เพื่อประมวลผลข้อมูลขนาดมหึมา ที่มนุษย์ไม่สามารถทำได้ และยังต้องการโครงสร้างพื้นฐานที่มี สัมผัสพิเศษ ที่ใช้พลังความสามารถของ AI เพื่อให้สามารถระบุปัญหาที่ได้ในเชิงรุก

พร้อมแนะนำแนวทางการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง และใช้ประโยชน์จากระบบอัตโนมัติเพื่อเปลี่ยนแปลงเป็นคำสั่งในการแก้ปัญหาทั้งหมดนี้ทำได้โดยไม่ต้องใช้แรงงานคนเลย แต่ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลหาความเข้าใจเชิงลึกจากระบบเครือข่าย รวมทั้งของผู้ใช้ และอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง 

ซึ่งความสามารถที่กล่าวมานั้นีอยู่ใน อรูบ้า ESP (Edge Services Platform) ที่สามารถปรับเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารให้กลายเป็นความรู้ และนำมาใช้ช่วยองค์กรเร่งการเปลี่ยนผ่านและดำรงความต่อเนื่องทางธุรกิจได้ด้วยแพลตฟอร์มคลาวด์-เนทีฟ

ที่ทำงานได้ทั้งบน ระบบที่ติดตั้งเอง (On-Premises) หรือระบบคลาวด์ และมีโครงสร้างพื้นฐานที่มั่นคงปลอดภัยและเป็นเอกภาพครอบคลุมทั่วทั้งองค์กรโดยพัฒนาขึ้นจากเทคโนโลยีที่เป็นแกนหลัก 3 ด้าน ได้แก่

Aruba ESP
Aruba ESP-Enabling a Unified Infrastructure

AIOps เครื่องมือในการปรับจูน และมอนิเตอร์ระบบ ซึ่งใช้ AI และการวิเคราะห์หาต้นเหตุของปัญหาที่มีความถูกต้องมากกว่า 95% ทำให้ระบบเครือข่ายสามารถแก้ไขปัญหาเครือข่ายได้เองโดยอัตโนมัติ ตรวจสอบประสบการณ์ของผู้ใช้งานในเชิงรุก

สามารถปรับแก้ระบบเครือข่ายเพื่อป้องกันปัญหาก่อนที่จะเกิดขึ้น และทำการเทียบเคียงกับค่าเบนช์มาร์คที่ใกล้เคียงและให้คำแนะนำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบเครือข่ายได้อย่างต่อเนื่อง

ในการปรับใช้จริงของลูกค้าพบว่าการใช้ AIOps ส่งผลให้ความสามารถรับส่งข้อมูล (Throughput Capacity) เพิ่มขึ้น 15% และลดเวลาในการแก้ไขปัญหาลงเกือบ 90% เป็นผลรวมทำให้ประสบการณ์ของผู้ใช้และฝ่ายไอทีปรับปรุงดีขึ้นมาก

โครงสร้างพื้นฐานที่เป็นเอกภาพ (Unified Infrastructure) ความสามารถในการรวมการดำเนินงานของระบบเครือข่ายทั้งหมดอันได้แก่อุปกรณ์สวิตช์, Wi-Fi และ SD-WAN ครอบคลุมทุกระบบเครือข่ายระดับ Campus Network , Data Center รวมถึงสาขา และสภาพแวดล้อมที่มีผู้ปฏิบัติงานเข้ามาจากระยะไกล

มาไว้ภายใต้ อรูบ้า Central ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันคลาวด์-เนทีฟ ที่รวมเหตุการณ์ข้ามโดเมน (Cross-Domain Events) ทั้งหลายมาแสดงไว้บนจอภาพเดียว ไม่ว่าจะเป็นการต่อเชื่อมจาก Wi-Fi, Switching, SD-WAN, 5G หรือ IoT เพื่อลดเวลาในการแก้ไขปัญหา และข้อผิดพลาดจากการทำงานของมนุษย์ (Manual Errors)

นอกจากนั้นแนวคิดเรื่องโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นเอกภาพของ อรูบ้า นี้ยังช่วยให้ลูกค้ามีทางเลือก ได้ทั้งระบบ On-Premises และระบบคลาวด์ เพื่อให้องค์กรมีความยืดหยุ่นในทางเลือกให้เหมาะสมกับขนาดของตน

ความมั่นคงปลอดภัยของระบบเครือข่ายแบบ Zero Trust เทคโนโลยีการให้สิทธิการเข้าถึงตามบทบาท (Role-Based Access) , การแยกส่วนระบบเครือข่ายอย่างไดนามิก (Dynamic Segmentation) และการตรวจจับการบุกรุกโดยระบุตัวตน (Identity-Based Intrusion Detection)

เพื่อขจัดความต้องการใช้วิธีการแบ่งส่วนระบบเครือข่าย (Segmentation) แบบดั้งเดิมโดยสินเชิง ในขณะที่ยังคงสามารถตรวจจับ, ป้องกัน, แยกแยะ และหยุดการโจมตี ระบบเครือข่ายก่อนที่จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจ ทั้งหมดไม่ว่าอุปกรณ์ที่ต่อเชื่อมอยู่จะเป็นอุปกรณ์อะไร

กล่าวโดยสรุปคือ Aruba Edge Services Platform นั้นถูกการออกแบบมา เพื่อช่วยเหลือองค์กรโดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการตรวจวัดจากระยะไกลอัตโนมัติ (Data Telemetry) ในระบบเครือข่ายเพื่อลดการทำงานที่มีความซับซ้อน ด้วยการทำให้งาน IT Operation เป็นระบบอัตโนมัติมากขึ้น

องค์กรต่าง ๆ จึงสามารถแก้ปัญหาไอทีที่ซับซ้อนได้เร็วขึ้นในขณะเดียวกันสามารถรักษาความมั่นคงปลอดภัยให้แก่โครงสร้างพื้นฐานระบบเครือข่ายที่มีเอกภาพได้ทั่วถึงทุกแคมปัส สาขา และตอนนี้รวมถึงสาขาขนาดเล็กเช่นที่บ้านอีกด้วย จึงมีเวลา และทรัพยากรมากขึ้น เพื่อมุ่งทุ่มเทสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น

นวัตกรรมล่าสุดของ อรูบ้า ESP

อรูบ้า ESP คือ แพลตฟอร์มคลาวด์-เนทีฟแบบ FullStack ที่สามารถปรับขยายขนาดได้มากที่สุดเพื่อใช้กับสภาพแวดล้อมระบบเครือข่ายแบบใช้สายและแบบไร้สาย รวมทั้ง SDWAN โดยได้รวมเอาองค์ประกอบของระบบเครือข่ายหลายอย่างไว้ด้วยกัน

เพื่อการบริหารจัดการ และควบคุมจากศูนย์กลาง สามารถปรับโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้อุปกรณ์ของ อรูบ้า ให้มีประสิทธิภาพเหมาะสมกับการใช้งาน โดยพัฒนาขึ้นตามมาตรฐานระบบเปิด (Open Standards) เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกับโซลูชั่นและบริการของผู้พัฒนารายอื่น (Third-Party) ที่มีหลากหลาย

นวัตกรรมที่สำคัญของ อรูบ้า ESP ได้แก่

Aruba ESP
Aruba CX 6200 Switch Family

การจัดการแบบคลาวด์เนทีฟสำหรับองค์กรทุกขนาด ด้วย Aruba Central ในปัจจุบันถูกใช้ดูแลระบบเครือข่ายที่สำคัญมากซึ่งหยุดการทำงานไม่ได้ (Mission Critical Network) ของลูกค้ามากกว่า 65,000 ราย และด้วยบริการของ ArubaOS รุ่นใหม่ทำให้เป็นแพลตฟอร์มคลาวด์เพียงแพลตฟอร์มเดียว

ที่สามารถบริหารจัดการได้โดยไม่ต้องมีอุปกรณ์เฉพาะสำหรับการควบคุม (Controllerless) โดยสามารถให้การบริหารจัดการและการดำเนินงานได้แบบ Full-Stack สำหรับทั้งโครงสร้างพื้นฐานระบบเครือข่ายแบบมีสาย ไร้สายและ SD-WAN ได้ทุกขนาด

โดยครอบคลุมทุกแคมปัส ศูนย์ข้อมูล สาขา และสถานที่ที่พนักงานเชื่อมต่อเข้ามาทำงานจากระยะไกล ครอบคลุมทั้งระบบ On-Premise และระบบคลาวด์

การจัดการง่ายขึ้นด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นเอกภาพ (Unified Infrastructure) ด้วยความสามารถในการเข้าถึงแหล่งข้อมูลร่วม (Common Data Lake) ผ่าน Aruba ESP ทำให้ Aruba Central เวอร์ชั่นล่าสุดได้รับการปรับปรุงให้สามารถเข้าถึงการทำงานต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น

เพราะมีระบบค้นหาขั้นสูง (Advanced Search) และมุมมองเชิงบริบท (Contextual View) เพื่อนำเสนอข้อมูลได้หลายมิติผ่านจุดควบคุมเพียงจุดเดียว (Single Point-of-Control) ขจัดความจำเป็นในการใช้เครื่องมือที่แตกต่างกันในการรวบรวมและเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหลาย ๆ โดเมนและสถานที่

ลดเวลาในการแก้ไขปัญหาด้วย AI และระบบอัตโนมัติ ด้วย AI มีเทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่น อย่างเช่น  Aruba AirMatch ที่มีรากฐานเกิดจากการแบบจำลองข้อมูลที่สร้างขึ้นจากอุปกรณ์เครือข่ายมากกว่าหนึ่งล้านอุปกรณ์โดยทำให้เกิดข้อมูลมากกว่า 1.5B Data Points ต่อวัน

และยังมีแอพพลิเคชั่น AI Insights ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่มาช่วยลดเวลาในการแก้ไขปัญหาโดยการระบุปัญหาการกำหนดค่าเครือข่ายที่ยากต่อการดูแล (Hard-to-See Network Configuration Issue) และชี้ให้เห็นสาเหตุหลักของปัญหา แนะนำวิธีการแก้ไขและสามารถจัดการแก้ไขตัวระบบเครือข่ายเองได้โดยอัตโนมัติ

ด้วยพลัง AI ทำให้ฝ่ายไอทีมีประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้นมาก ด้วยบริการ AI Search ซึ่งเป็นบริการค้นหาข้อมูลการประมวลผลภาษาที่เข้าใจง่าย (Natural Language Processing Data Discovery Service) ที่ช่วยให้ทีมไอทีสามารถขจัดความยุ่งวุ่นวายในการการตรวจสอบเรื่องต่าง ๆ

จน หัวหมุน (Swivel Chair) โดยใช้เพียงคำสั่งภาษาอังกฤษที่เรียบง่ายเพื่อดึงข้อมูลผู้ใช้และอุปกรณ์ได้อย่างสมบูรณ์ครบถ้วนจากแหล่งข้อมูลร่วม (Common Data Lake) ของ อรูบ้า ESP เพื่อแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว สำหรับปัญหาที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นมี AI Assist ที่ใช้ระบบอัตโนมัติ

ซึ่งถูกขับเคลื่อนด้วยเหตุการณ์ (Event-Drive Automation) เพื่อรวบรวมและโพสต์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้ทั้งแผนกช่วยเหลือภายใน (Internal Help Desk) และศูนย์ความช่วยเหลือด้านเทคนิคของ Aruba (Technical Assistance Center : TAC)

การแสดงข้อมูลครอบคลุมทั่วทั้งองค์กรได้อย่างละเอียดครบถ้วน (Granular Visibility) องทุกแอปพลิเคชัน อุปกรณ์และระบบเครือข่าย ด้วยส่วนขยายเพิ่มเติมของ Aruba Central ทำให้สามารถวิเคราะห์ระบบเครือข่ายแบบผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง (User-Centric Analytics)

ได้จาก User Experience Insight เพื่อช่วยระบุปัญหาในเรื่องประสิทธิภาพการดำเนินงานในระดับเครื่องลูกข่าย แอปพลิเคชัน และระบบเครือข่ายได้เร็วขึ้น

สวิตช์รุ่นใหม่ที่ล้ำสมัยสำหรับองค์กรแบบกระจาย และองค์กรขนาดกลาง ทำให้องค์กรเร่งการแปลงที่ Edge, อรูบ้า ได้ขยายพอร์ตโฟลิโอของ CX Switch โดยเพิ่ม Aruba CX 6200 Switch Series ซีรี่ส์ใหม่นี้นำเสนอความสามารถในการวิเคราะห์ และมีระบบอัตโนมัติในตัวใช้ได้กับทุกเครือข่ายที่มีการเชื่อมต่อผู้ใช้

และอุปกรณ์เกิดขึ้น โดยสามารถสร้างข้อมูลเชิงลึกที่นำไปใช้ให้เกิดผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดีขึ้นได้ สวิตช์รุ่น CX 6200 นี้ทำให้ Aruba CX สวิตช์ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทุกระดับ แบบ เอนด์ทูเอนด์ (End-to-End) ช่วยให้ลูกค้าสามารถนำไปใช้ได้ครอบคลุมตั้งแต่แคมปัสใหญ่ขององค์กร และในระดับสาขาไปจนถึงศูนย์ข้อมูล

สร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่องด้วย Developer Hub ตัวใหม่ ด้วย Developer Hub ซึ่งเป็นแหล่งทรัพยากรที่ครอบคลุมครบถ้วนตามความต้องการของนักพัฒนา จึงเป็นที่รวม Aruba APIs และเอกสารต่าง ๆ เพื่อใช้ปรับปรุงการพัฒนาแอปพลิเคชันให้มีประสิทธิภาพในการสร้างสรรค์นวัตกรรม และล้ำสมัยโดยใช้ประโยชน์จากการที่ อรูบ้า ESP เป็นแพลตฟอร์มตามมาตรฐานระบบเปิด

ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) 
*** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก www.pexels.com

สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่  www.facebook.com/itday.in.th

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.