รีวิว POCO X3 Pro สมาร์ทโฟนครบเครื่อง ราคาไม่ถึงหมื่น!! ตอบโจทย์ ทุกการใช้งาน ตัวเลือกที่คุ้มค่าที่เหล่าเกมเมอร์ไม่ควรพลาด…
ใครที่กำลังมองหาเครื่องสารืทโฟนรุ่นใหม่ที่คุ้มค่า เอามาใช้ในช่วงที่ต้องการกัดตัวอยู่บ้านนาน ๆ ในช่วงเวลานี้ เพราะไม่สามารถไปสังสรรค์ ไปท่องเที่ยว หรือเดินเล่นช้อปปิ้ง ได้ แอดมินขอแนะนำให้ซื้อ “โพโค่ เอ็กซ์ 3 โปร“ (POCO X3 Pro) ไปใช้งานกันได้กันได้เลยครับ เพราะนี่คือหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่คุ้มค่า และตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างครบเครื่องมากที่สุดเครื่องหนึ่งที่มีวางจำหน่ายในตลาดกันเลยทีเดียว เพราะราคาเครื่องไม่ถึงหมื่นบาท แต่..!! อัดเเน่น ด้วยสเปคที่เรียกได้ว่าจัดเต็ม เร็วแรง ด้วยชิป Snapdragon 860 ทำให้สามารถใช้เล่นเกม หรือรับชมวีดีโอคุณภาพสูง ๆ ได้อย่างสบาย ๆ ซึ่งทาง โฟโค่ บอกว่ามันคือ Best Gaming Smartphone เลยทีเดยว ถ้าอยากรู้ว่ามีดียังไง ลองไปอ่านรีวิวแบบไม่อวยกันได้เลยครับ
Review : POCO X3 Pro สมาร์ทโฟนครบเครื่อง!! ตอบโจทย์ ทุกการใช้งาน
อย่างที่ทราบกันดีว่า โพโค่ (POCO) นั้นคือแบรนด์ลูกของ เสี่ยวมี่ (Xiaomi) ที่ต้องการนำเสนอสมาร์ทโฟนที่มีความสามารถแบบรอบด้าน+ฟีเจอร์เยอะ คุ้มค่า และตอบโจทย์การใช้งานของผู้ที่ใช้ ทำให้เรียกได้ว่าการผลิตเครื่องออกมาแต่ล่ะรุ่นจะยังคงวัตถุประสงค์นี้ไว้เสมอ
โพโค่ เอ็กซ์ 3 โปร เรียกได้ว่าเป็นสมาร์ทโฟน ที่ผลิตออกมาค่อนข้างตอบโจทย์ของเหล่าเกมเมอร์ ที่นิยมเล่นเกมผ่านสมาร์ทโฟนเลยครับ เพราะแค่ใส่ชิป Snapdragon 860 ที่สามารถใช้เล่นเกมทุกเกมที่มีใน Google Play Store และซีพียูหลัก Kryo 485 ที่สามารถโอเวอร์คล็อกความเร็วเพิ่มได้
รวมถึงการใส่หน้าจอ DotDisplay (FHD+) ขนาด 6.67 นิ้ว ที่สามารถมอบอัตรารีเฟรช 120Hz และตอบสนองต่อการสัมผัส 240Hz ที่มีมาในเครื่อง ก็ถือว่าคุ้มมาก ๆ แล้ว เมื่อเทียบราคาเครื่องที่วางจำหน่าย และแน่นอนว่าตัวเครื่องนั้นไม่ได้มีดีแค่เรื่องของการเล่นเกมเท่านั้นเพราะยังได้ใส่ กล้องมาให้ 4 ตัว และแบตเตอรี่ 5,160mAh (typ) ที่รองรับการชาร์จเร็วแบบ 33 วัตต์ ได้อีกด้วย
สเปคข้อมูล (Specification) : โพโค่ เอ็กซ์ 3 โปร
- สี : Phantom Black, Frost Blue และ Metal Bronze
- ขนาด : 165.3mm x 76.8mm x 9.4mm
- น้ำหนัก : 215 กรัม
- เชื่อมต่อโครข่ายสัญญาณ : 2G (850, 900, 1800, 1900MHz) / 3G (WCDMA) / 4G (FDD-LTE, TDD-LTE)
- หน้าจอ : Dot Display แบบ IPS LCD ความละเอียด FHD+ 1080 x 2400 พิกเซล (395ppi) ขนาด 6.67 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 ความสว่างสูงสุด 450 nits อัตรารีเฟรชเรท 120Hz (ไดนามิก), การตอบสนองแบบสัมผัส 240Hz
- หน่วยประมวลผล : Octa Core ความเร็ว 2.96GHz โดยใช้ชิปเซ็ท
Qualcomm Snapdragon 860 (7 nm) แลกราฟิก Adreno 640 RAM 6GB/8GB (LPDDR4x) - หน่วยความจำภายในเครื่อง : 128GB/256GB แบบ UFS 3.1 รองรับ microSD Card
- ระบบปฏิบัติการ : Android 11 ปฏิบัติการ MIUI 12 for โพโค่
- รองรับการเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac / dual-band / Wi-Fi Direct / hotspot / Bluetooth 5.0 / ช่องหูฟัง 3.5 มม. / พอร์อินฟราเรด / NFC / พอร์ต USB Type-C / USB On-The-Go / GPS with A-GPS / GLONASS / GALILEO / BDS
- กล้องหลัง : 4 ตัว AI Quad Camera +ไฟแฟลช LED ได้แก่ เลนส์ Wide 48 ล้านพิกเซล / เลนส์ Ultra Wide 8 ล้านพิกเซล / เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล / เลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- กล้องหน้า : 20 ล้านพิกเซล
- รองรับระบบซิม : Hybrid Dual SIM (Nano-SIM, dual stand-by)
- แบตเตอรี่ : 5,160mAh + รองรับการชาร์จเร็ว 33W
- ราคา : RAM 6GB+128GB ราคา 7,999 บาท / RAM 8GB+256GB ราคา 8,999 บาท
บรรจุภัณฑ์ / อุปกรณ์ภายในกล่อง
- อะแดปเตอร์แปลงไฟขนาด 33W
- สาย USB-A เป็น USB-C
- เข็มจิ้มถาดซิม
- เคสใส
- ฟิล์มกันรอย (ติดมาให้จากโรงงาน)
- คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
- ใบรับประกันสินค้า
การออกแบบ (design)
การออกแบบตัวกล่อง (Packaging Design) ตัวกล่องไม่มีอะไรพิเศษมากครับ ตัวกล่องจะเป็นสีดำ ตัดด้วยตัว โลโก้ อักษรสีเหลือง และชื่อรุ่น ที่ด้านหน้า และด้านข้าง (ซ้าน-ขวา) ซึ่งพิมพ์ “with easy access to the Google apps you use most“ (สามารถเข้าถึงแอปฯ กูเกิล ที่ใช้ได้บ่อยได้ง่าย ๆ)
ขณะที่ส่วนด้านหลังกล่องนั้นจะไม่มีอะไรครับเป็นพื้นสีเหลืองครับ ส่วนด้นล่างกล่องจะแปะสติกเกอร์ระบุชื่อรุ่น ข้อมูลการผลิต หมายเลขซีเรียล และเลขอีมี่เครื่อง และสีของตัวเครื่องครับ ซึ่งแอดมินได้เครื่อง สี Phantom Black รุ่น RAM 6GB+128GB มารีวิวครับ
เปิดตัวกล่องจะพบกับตัวเครื่องที่ถือว่าค่อนข้างใหญ่จับถนัดมือมากครับ ตัวนำหนักก็ถือว่าค่อนข้างหนักพอสมควรเลย แต่โดยส่วนตัวแอดมิน ชอบที่เครื่องมีน้ำหนักครับเพราะให้ความรู้สึกว่าดูมีอะไร ๆ ไม่กลวงดี แบที่เจอมาในหลาย ๆ รุ่นที่ ตัวเครื่องดูใหญ่ ขายความเบา แต่พอดูข้างในกับไม่มีอะไรพิเศษเท่าไร ขณะที่เมื่อมองโดยรอบ ๆ ตัวเครื่อง
ถือว่าดีไซน์ไม่ได้แปลกแหวกแนวอะไรมากเป็นพิเศษ แต่ค่อนข้างสะดุดตากับ ด้านหลังเครื่องครับที่ทาง โพโค่ นั้นดีไซน์ออกมาเป็นแบบ “ทูโทน“ (Two Tone) คือมีการเคลือบสีเงาขีดคาดตรงกลางจากส่วนบนของตัวเครื่องไปจนถึงด้านล่าง ซึ่งเมื่อมองสังเกตให้ดีก็จะเห็นลายคลืนเวฟ และโลโก้ ที่เมื่อเวลาสะท้อนกลับแสงก็สวยดีครับ
ขณะที่พื้นที่อื่น ๆ เหมือนจะเป็นอลูมิเนียมอัลลอย์แบบด้านครับ ซึ่งก็ดูแปลกตากสวยไปอีกแบบ แต่หน้าเสียดายนิดหน่อยครับคือส่วนที่กล่าวไปนี้ไม่กันคราบนะครับ ถือเเป๊บ ๆ ลายมือคิดเต็มเลย แต่ก็ม่น่ากังวลเท่าไรเพราะในกล่องมีเคสใสมาให้ด้วย
กลับมาดูส่วนอื่นกันต่อ ตัวด้านข้างทางฝั่งขวาของตัวเครื่อง (เมื่อหันหน้าจอเข้าหาตัว) นั้นจะมีปุ่ม เพาเวอร์ ที่เป็นเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือสำหรับปลดล็อกไปในตัวได้ และปุ่มปรับระดับเสียงที่ด้านบนครับ ขณะที่ จะมีช่องใส่ ซิม (SIM) ซึ่งเป็นแบบไฮบริด (Hybrid Slot Tray) กล่าวก็คือเราสามารถเลือกใส่ ซิม ได้ 2 ซิม หรือจะเป็น ซิม+ microSD card (สูงสุด 1 TB) ก็ได้ครับ
ด้านหน้าตัวหน้าจอนั้นอย่างที่กล่าวไปในข้างต้นว่าถือว่าจัดสเปคมาได้ดีมากทีเดียวกับ เพราะหน้าจอเป็นแบบ FHD+ DotDisplay ขนาด 6.67 นิ้ว ที่มรีอัตราการรีเฟรชแบบไดนามิก ที่สามารถปรับให้เหมาะกับคอนเทนต์ที่กำลังแสดงผลได้อัตโนมัติตั้งแต่ 50Hz, 60Hz, 90Hz และ 120Hz และตอบสนองการสัมผัส 240 เฮิรตซ์ เลย อีกทั้งยังรองรับมาตรฐานความปลอดภัยระดับ L1 Widevine ทำให้เราสามารถดู Netflix หรือ YouTube ได้ที่ระดับ HD, 2K หรือ 4K แถมยังครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 6 อีกด้วย ทำให้หมดห่วงเรื่องการกระแทกได้ระดับหนึ่งเลย
มองไปที่ด้านบนตัวเครื่อง เราจะเห็นลำโพง และรูที่ด้านบน 2 รู และ อีก 1 รู ที่ตอนแรกแอดดมินไม่รู้ว่ามันคืออะไรครับ แต่พอลองใช้ถึงรู้ว่ามันคือ “อินฟราเรด“ สำหรับใช้แทนรีโมตกับอุปกรณ์ไฟฟ้าได้ ซึ่งอันนี้อาจจะสะดวกสำหรับคนที่ต้องการใช้สมาร์ทโฟนกับอุปกรณ์ไฟฟ้าของตัวเองนะครับ แต่แอดมินยังชินกับรีโมทเดิม ๆ อยู่ (555)
ขณะที่ด้านล่างนั้นช่องสำหรับเสียบแจ็คหูฟังขนาด 3.5 มม. มาให้ ซึ่งใครที่ค่อยปลื้มกับการใช้พอร์ทชาร์จไฟ และเป็นช่องหูฟังในตัวเหมือนที่หลายแบรนดืใช้ก็ถือว่าตอบโจทย์ครับ และตัวลำโพงก็ให้ความดังได้ดีระดับหนึ่งครับ ทั้งช่องไมโครโฟน และช่องลำโพงเสียงสเตอริโอ
ส่วนการชาร์จนั้นตัวเครื่องใช้แบบพอร์ต USB Type–C ที่มาพร้อมกับ แบตเตอรี่ขนาด 5,160mAh (typ) เทคโนโลยี Middle Middle Tab (MMT) ในตัว อีกทั้งยังรองรับการชาร์จเร็ว 33W ชาร์จ 59% ภายใน 30 นาที และชาร์จเต็ม 100% ภายใน 59 นาที ซึ่งถือว่าเร็วมาก ๆ ครับ
ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับกล้อง 4 ตัวด้านหลัง พร้อมแฟลช และกล้องหน้าตรงกลางด้านบนตัวเครื่อง โดยแบ่งเป็น กล้องหน้าที่ให้ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล และกล้องหลัง 4 ตัว ที่มี AI Quad Camera +ไฟแฟลช LED ได้แก่ เลนส์ Wide 48 ล้านพิกเซล / เลนส์ Ultra Wide 8 ล้านพิกเซล / เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล / เลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ครับ
หน่วยประมวลผล และหน่วยความจำ
โพโค่ เอ็กซ์ 3 โปร มาพร้อมกับชิปประมวลผล Snapdragon 860 ที่ถือว่าเป็นชิปเรือธงของ Qualcomm ในปี 2563 ซึ่งตัวชิปนี้มีขนาด 7 นาโนเมตร และมี Kryo 485 ที่เป็นซีพียูหลัก ซึ่งเมื่อใช้กับฟังกงชั่น Game Mode ที่ใส่มาในตัวเครื่องก็เหมือน โอเวอร์คล็อกให้ในตัว
และยิ่งทำงานร่วมกับจีพียู Adreno 640 การแสดงผลกราฟิกที่ดีขึ้น (อันนี้น่าจะถูกใจคนเล่นเกม) ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อใช้งานในการรับชมวีดีโอก็จะทำให้เครื่องเล่นได้อย่างไหลลื่นไม่มีกระตุกเลย และที่สำคัญตัวเครื่องนั้นมาพร้อมเทคโนโลยีระบายความร้อน
ข้อสรุปการใช้งานหลังจากทดสอบ
จากการทดลองใช้จากที่ขอสรุปว่าในส่วนของประสิทธิภาพในการเล่นเกมบนหน้าจอ 6.67 นิ้ว ที่ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนหน้าจอใหญ่มากที่สุดอีกรุ่นในตลาด ทำให้ดีมากครับ เพราะด้วย Refresh Rate ที่ 120Hz และ Touch–Sampling Rate ที่ 240Hz ที่ใส่เข้ามาในเครื่องนั้นทำให้สามารถเล่นเกมอย่าง ROV, PUB G และ Asphalt
ซึ่งถือเป็นเกมที่กินสเปคเครื่องหนักได้อย่างราบรื่น ไม่ติดขัดเลยครับ แต่ทั้งนี้ แอดมิน ต้องขอแจ้งไว้ก่อนว่าในที่นี้หากเราใช้เน็ตผ่าน 4G ในพื้นที่มีคนเยอะก็ชวนปวดหัวได้เหมือนกัน
ซึ่งส่วนนี้ไม่เกี่ยวกับประสิทธิภาพของตัวเครื่องนะครับแต่ด้วยตัวเครื่องที่สามารถปรับระดับความสว่างหน้าจอนั้นในที่มีแสงแดดแรง ๆ ก็ถือว่ายังไม่สามารถสู้แสงได้ซักเท่าไร แต่คงไม่มีใครไปยืนเล่นกลางแดดนะครับแอดมินว่า (555)
ขณะที่เรื่องของประสิทธิภาพการถ่ายภาพที่ตัวเครื่องนั้นจัดมาเต็ม ด้วยกล้อง 4 ตัว แบบ AI Quad Camera ได้แก่ เลนส์ Wide 48 ล้านพิกเซล / เลนส์ Ultra Wide 8 ล้านพิกเซล / เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล / เลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ถือว่าพอใช้ได้ ครับไม่ได้แย่ แต่ไม่ได้ดีสุดยอดมาก แต่ไม่ขี้เหล่ครับ
การรับชอมคอนเทนต์ความละเอียดสูง
ทอสอบโหมดกล้อง
เลนส์ Macro
เพราะจากที่แอดมินลองภาพที่ได้ยังถือว่าภาพขาดสีสันเมื่อเทียบกับตัวรุ่นที่เน้นถ่ายภาพครับ หากถ่ายในที่แสงพอดี หรือที่แสงน้อยถือว่าผ่านเกณฑ์ครับ แต่หากถ่ายกลางแจ้งต้องถือว่ายังไม่ได้เท่าไร เพราะอุณหภูมิสีภาพที่ได้ไม่ตรงและไวต์บาลานซ์ (White Balance) ไม่นิ่งครับ แม้เราจะสามารถปรับได้ด้วยตัวเองด้วยซอฟต์แวร์ แต่ก็ไม่ง่ายครับ
ส่วนการถ่ายภาพด้วยดิจิทัลซูมที่สามารถซูมได้มากถึง 10 เท่า นั้นภาพก็จะไม่ชัดอะไรมากแต่พอดูรู้เรื่องอยู่ ขณะที่ตัวเลนด์ที่ยืนออกมาจากตัวเครื่องค่อนข้างเยอะทำให้เสี่ยงแตกได้หากไม่ใส่เคส แต่อย่างที่กล่าวไปด้วยความที่ตัวเครื่องนั้นน่าจะเน้นในเรื่องของการเล่นเกม และดูวีดีโอ ซะมากกว่า ทำให้จุดขายของ โพโค่ เอ็กซ์ 3 โปร น่าเหมาะกับการใช้งานเพื่อความบันเทิงครับ
ขณะที่ในส่วนของระบบปฏิบัติการ MIUI 12.04 ที่ทำงานบน Android 11 ถือว่าทำออกมาค่อนข้างดีมากเลยครับ ฟังกชั่นการใช้งานดูเรียบง่าย ไม่ยากต่อการทำความเข้าใจในการเรียนรู้ใช้งาน มีการแบ่งฟีเจอร์พื้นฐานต่าง ๆ ได้เป็นสัดสวนอาทิ การแบ่ง 2 หน้าจอ, บันทึกวิดีโอหน้าจอ, โหมดมืด, โหมดเกม, โหมดประหยัดพลังงาน, รองรับการชำระเงินผ่าน NFC
ด้านระบบรักษาความปลอดภัยที่สามารถใช้ได้ทั้ง การปลดด้วยลายนิ้วมือ, การปลดด้วยบลูทูธ และการปลดด้วยใบหน้าถือ ว่าค่อนข้างคุ้มค่ามากครับ ส่วนฟังก์ชั่นที่น่าสนใจอื่น ๆ นั้นก็มีในส่วนของ การเลือกธีมใหม่ ๆ ที่สามารถเข้าไปเลือกได้ซึ่งมีทั้งแบบที่ ฟรี และเสียเงินครับ
ส่วนแบตเตอรี่ความจุ 5160mAh นั้นทำได้ดีตามเกณฑ์มาตรฐานเพราะมาพร้อมการชาร์จเร็วผ่านอะแดปเตอร์แบบ 33W ทำให้ชาร์จ 59% ภายใน 30 นาที และชาร์จเต็ม 100% ภายใน 59 นาที นั่นเอง ซึ่งจากการลองชาร์จหากไม่ได้ใช้งาน 100% เร็วกว่าที่ทางเครื่องเคลมไว้ที่ 59 นาที เล็กน้อยครับ
โดยสรุปแล้วหากกำลังมองหาเครื่องสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ ๆ ซักเครื่องที่สามารถใช้งานได้ครอบคลุม และคุ้มค่าเงินที่จะต้องจ่ายออกไป ถือว่า โพโค่ เอ็กซ์ 3 โปร เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่ามนใจ และไม่ควรมองข้ามครับ
ข้อดี–ข้อเสีย
ข้อดี
- หน้าจอ FHD+ สีสวย อัตรารีเฟรช และอัตราตอบสนองการสั่งการได้เร็ว
- สแกนลายนิ้วมือผ่านปุ่มเพาเวอร์ได้
- ประมวลผลทรงพลังสุดขีดจาก Snapdragon 860
- มาพร้อมเทคโนโลยีระบายความร้อน
LiquidCool Technology 1.0 Plus - กับฟังกงชั่น Game Mode ที่ใส่มาในตัวเครื่องเหมือนโอเวอร์คล็อกให้ในตัว
- รองรับการเชื่อมต่อ Wireless LAN Wi-Fi 802.11
- ใช้เป็นตัวปล่อย Hotspot ได้
- แบตเตอรี่เยอะผ่านเกณฑ์มาตรฐานสำหรับเครื่องสมาร์ทโฟนสำหรับเล่นกม
- ให้กล้องมาเยอะมากถึง 4 เลนด์
- รองรับการชาร์จเร็ว 33W
- ดีไซน์ตัวเครื่องเรียบ ๆ แต่ดูดี
- เสียงการสนทนาดังชัดเจน
- รองรับการใช้งานซิมการ์ดแบบ NanoSIM 2 ซิม
- มีให้เลือกถึง 3 สี ได้แก่ Phantom Black, Metal Bronze, Frost Blue
- ราคาคุ้มค่า
ข้อเสีย
- หน้าจอไม่สู้แสง ใช้งานกลางแจ้งได้ไม่ค่อย
- ไวต์บาลานซ์ (White Balance) ไม่นิ่ง และอุณหภูมิสีภาพที่ได้ไม่ตรง
- ตัวเครื่องไม่กันคราบมัน
- เลนด์ที่ยืนออกมาจากตัวเครื่องค่อนข้างเยอะทำให้เสี่ยงแตกได้
- ลำโพงดังแต่ไม่ไม่ค่อยให้เสียงทุ่มเท่าไร
- ไม่รองรับ 5G
ส่วนขยาย * บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ ** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) *** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A
สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่ www.facebook.com/itday.in.th