รีวิว : Poly Voyager Surround 80 UC หูฟังไร้สายที่เชื่อมต่อเสียงได้อย่างเต็มอิ่ม

Poly Voyager Surround 80 UC

Poly Voyager Surround 80 UC หูฟังไร้สายที่เชื่อมต่อเสียงคุณภาพคมชัดได้อย่างเต็มอิ่ม ไม่ว่าจะใช้ในไลฟ์สไตล์ไหนก็เอาอยู่…

สำหรับคนสายชองฟังเสียงัดเจนคมชัด หนึ่งในแบรนด์ ที่จะต้องนึกถึงคือ Plantronics หรือ Poly ที่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งค่ายหูฟังชั้นนำที่เชี่ยวชาญในการออกแบบผลิตภัณฑ์หูฟังไร้สายที่ตอบโจทย์ผู้ที่มีไลฟ์สไตล์ในการใช้หูฟังในการทำงาน หรือแม้แต่จะนำเอาไปใช้ฟังไฟล์เสียงมีความละเอียดมาก ๆ เช่น การใช้ในการประชุม หรือแม้แต่จะนำไปใช้

ดูหนัง หรือเล่นเกมส์ ก็ยังพอไหว ซึ่งวันนี้ ITday ได้มีโอกาสได้ทดสอบคุณภาพของเจ้า Poly Voyager Surround 80 UC แม้ว่าเจ้า Voyager 80 UC ตัวนี้ จะถูกปล่อยออกมาตแล้วซักพักใหญ่ แต่กระแสตอบรับยังดี และยังมีการถูกสอบถามหาอยู่เรื่อย ๆ เนื่องจากด้วยค่าตัวที่ที่อยู่ในระดับที่คุ้มค่ากับประสิทธิภาพการใช้งานนั่นเอง

โดยหลังจากที่ได้ทดสอบมาประมาณ 2 อาทิตย์กว่า ๆ ก็คงต้องบอกเลย แอดมิน ค่อนข้างจะชอบในคุณภาพของเจ้า Voyager 80 UC ตัวนี้อยู่พอสมควรเลยทีเดียว แม้ว่าจะมีดีไซน์ที่อาจจะไม่ฉูดฉาดเหมือนกับแบรนด์หูฟังไร้สายแบบครอบศีรษะแบรนด์อื่น ๆ แต่ถึงทาง Poly จะไม่ดีไชน์แต่มุ่งประโยชน์จากการใช้งาน และใส่สบายเท่านั้น

เเต่เรื่องคุณภาพนี่ไม่แพ้ เผลอ ๆ ถ้าไม่ติดเรื่องดีไชน์ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าเก็บไว้ใช้งาน และแม้ว่าไม่ได้ใช้ในการทำงาน แต่จะใส่ออกไปเดินก็ไม่ได้ขี้เหร่แต่อย่างใดครับ พูดมาก็เยอะ แอดมิน คิดว่าทุกคนคงอยากทราบแล้วว่ามันดีขนาดไหนทำไม แอดมิน ถึงเชียร์ซะเหลือเกิน ไปลองดูกันดีกว่าครับ

Review : Poly Voyager Surround 80 UC ที่สุดของหูฟังไร้สายที่เชื่อมต่อเสียงได้อย่างเต็มอิ่ม

Poly Voyager Surround 80 UC

ก่อนอื่นที่จะไปเข้าเรื่อง แอดมิน อยากเกร็ดความรู้ให้ฟังว่าเจ้า Voyager 80 UC ของ Poly คือหนึ่งในผลิตภัณฑ์ของ บริษัท ฮิวเลตต์แพคการ์ด หรือ เอชพี (HP) ผู้ผลิต และผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ (PC) ซึ่งทาง HP ได้ซื้อคุณภาพด้านเสียงจาก Poly ซึ่งชื่อเสียงโด่งดังจากการเป็นผู้ผลิตชุดหูฟังคุณภาพระดับ High End

โดยเป็นบริษัทผู้ผลิตชั้นนำทางด้าน Voice, Audio และ Video สำหรับทุกไลฟ์สไตล์ที่เกียข้องกับการทำงานมาอย่างยาวนาน ซึ่ง Poly นั้นเกิดจาก 2 บริษัทยัใหญ่อย่าง Plantronics และ Polycom ได้รวมตัวกันซึ่งหากเป็นคนที่ชอบหูฟังไร้สายบลูทูธ (Bluetooth) ก็น่าจะคุ้นในชื่อ Plantronics แน่ ๆ เพราะเข้ามาในบ้านเรา

ตั้งแต่ยุคที่หูฟังไร้สายในยุคโทรศัพท์ปุ่มกด ซึ่งมีแบรนด์ที่แข่งขันกันอย่าง Nokia, Sony Ericsson, LG, Samsung ฯลฯ แข่งกันอยา่งดูเดือด ซึ่งอยู่ในยุคนั้นมีกำลังส่งอยู่ที่ระดับ 2.5 มิลลิวัตต์ มีระยะความสามารถในการับส่งที่ 10 เมตร และกำลังส่งอยู่ที่ระดับ 1 มิลลิวัตต์ มีระยะความสามารถในการับส่งที่ 1 เมตร แค่นั้น

ซึ่งในยุคนั้นมีหลากแบรนด์ที่พยายามทำหูฟังบลูทูธออกมากันอย่างมาก ซึ่งก็อย่างที่ทราบกันว่าล้มหลายตายจากกันไปหมด แต่ Plantronics กลับสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์หูฟังที่มีเทคโนโลยีเสียงที่ยากที่จะครเลียนแบบได้ในยุคนั้น และกลายเป็นหูฟังบลูทูธระดับพรีเมี่ยมที่ใคร ๆ ก็อยากใช้ นี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่แอดมินถึงชื่นชอบนั่นเองครับ

Poly Voyager Surround 80 UC

เอาล่ะกลับมากันที่เจ้า Voyager 80 UC กันดีกว่าในเบื้องต้นท่ได้มาว่านี่คือหูฟังไร้สายแบบครอบศีรษะที่มาพร้อมกับระบบป้องกันเสียงรบกวน และมีไมโครโฟนใส่มาให้ทั้งหมด 10 ตัว ในตัว ที่แบ่งเป็นไมโครโฟน 6 ตัว ในการใช้งานกับสายที่โทรมา หรือเสียงที่เรียกเข้ามา และอีก 4 ตัว มีไว้เพื่อการตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟ อีกทั้งยังมาพร้อม

ไดรเวอร์ขนาด 40 มม. ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็น ใช้ในการฟังเพลง ใช้ในการทำงาน ใช้ในการสตรีม หรือใช้ในการเชื่อมต่อแล็ปท็อปเพื่อใช้งานกบการวิดีโอคอลอย่าง Microsoft Teams รวมถึงยังสามารถปรับเปลี่ยนเสียงรบกวน (Active Noise Cancelling : ANC) ให้เป็นไปตามต้องการก็ยังได้

สเปคข้อมูล (Specification) : Voyager 80 UC

  • ขนาด : 191 มม. X 77 มม. X 181 มม.
  • น้ำหนัก : 275 กรัม 
  • สี : ดำ (Black)
  • ระบบตัดเสียงภายนอกระหว่างการฟัง : Adaptive ANC (แบบปรับได้), SoundGuard Digital
  • แบนด์วิธของลำโพง (Loudspeaker bandwidth) : 20 Hz ถึง 20 kHz
  • แบนด์วิธไมโครโฟน (Microphone bandwidth) : 20 Hz ถึง 16 kH
  • โหมดเสียง (Sound Mode) : Stereo
  • จำนวนไมโครโฟน (Number of microphones) : 10 ไมโครโฟน (6 สำหรับเสียง, 4 สำหรับ ANC)
  • การเชื่อมต่อ (Connection) : Bluetooth  5.3 (AVRCP, A2DP, HFP, HSP, AVDTP), Wireless, USB
  • แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Battery lithium-ion power) : 1,100 mAH (แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน)
  • เวลาในการชาร์จ (Charge time) : 1 ชั่วโมง
  • เวลาสนทนาที่สามารถทำได้ (Talk time): สูงสุด 21 ชั่วโมง
  • ระยะเวลาในการรับฟัง (Listening time) : สูงสุด 24 ชั่วโมง
  • ระยะห่างสูงสุดที่สามารถเชื่อมต่อได้ (Range) : 30 เมตร
  • การเชื่อมต่อกับแอปวีดีโอคอล (Certified) : Microsoft Open Office และ Microsoft Teams
  • การเชื่อมต่ออุปกรณ์ (Compatibility) : PC, Mobiles
  • การควบคุมเสียง (Volume control) : ระบบสัมผัสที่ตัวหูฟัง, Smart Sensor Technology
  • แพลตฟอร์มระบบปฏิบัติการที่รองรับ (Operating System Platform) : Android, iOS, macOS, Windows

บรรจุภัณฑ์ / อุปกรณ์ภายในกล่อง Voyager 80 UC

การออกแบบแพคเกจจิ้ง (Packaging Design) ของ Voyager 80 UC นั้นจะมาพร้อมกล่องกระดาษแข็งทรงสี่เหลี่ยมแบบพับฝาด้นบนมีสีดำ ทุกด้าน และโลโก้ Poly สีกระดาษ ที่ด้านบน และด้านข้างกล่อง ขณะที่ด้านหลังของกล่องจะระบุ ชื่อรุ่น, ซีเรียลนับเบอร์, วันผลิต, คิวอาร์โค้ด และสติ๊กเกอร์รับรองสินค้า และแหล่งผลิตจาก Poly ขณะที่ด้านในกล่องจะมีอุปกรณ์ดังต่อไปนี้

  • กระเป๋าใส่แบบเข้ารูปแบบมีซิป (Carrying case)
  • สาย USB-C (USB-C Cable) ขนาด 3.5 มม
  • สายชาร์จ (USB-C Charging Cable) แบบ USB-C to USB-C
  • อะแดปเตอร์ (Adapter) แบบ USB-C Bluetooth® (BT700)
  • อะแดปเตอร์ (Adapter) แบบ USB-C to USB-A
  • คู่มือเริ่มต้นใช้งานฉบับย่อ (Quick start guide) 

Poly Voyager Surround 80 UC

การเชื่อมต่อตัวเครื่อง Voyager 80 UC

ในการเชื่อมต่อเจ้า Voyager 80 UC ให้เราทำให้หูฟังของเราอยู่ในโหมด จับคู่ (Pairing) โดยให้เลื่อนสวิตช์ เปิด/ปิด (ปุ่มเลื่อนใกล้ปุ่มสีแดง) ที่ตัวหูฟังทางด้านขวาค้างไว้จนกว่าไฟ LED ที่ตัวหูฟังจะกะพริบเป็นสีน้ำเงิน สลับกับสีขาว ในร่องตัวหูฟังให้เราสังเกตให้ดี

โดยในการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ เปิดใช้งานบลูทูธบนโทรศัพท์ของเรา โดยไปที่ การตั้งค่า แล้วเลือก บลูทูธ เพื่อค้นหา Voyager 80 UC เมื่อเรากดค้นหาอุปกรณ์ผ่านระบบ Bluetooth เมื่อขึ้นโชว์ ให้เรากด เชื่อมต่อ ตัวหูฟังจะเริ่มทำการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ของเรา ซึ่งขั้นตอนนี้จะใช้เวลาไม่นานเมื่อเชื่อมต่่อแล้วไฟ LED ตัวหูฟังจะหยุด

กะพริบ และตัวโทรศัพท์ของเราจะโชว์ว่า เชื่อมต่ออุปกรณ์แล้ว ให้เรากด เสร็จสิ้น ไปได้เลยครับ สังเกตง่าย ๆว่า ไฟที่แสดงจะเป็น สีน้ำเงิน และในการโทรตัวไฟที่แสดงจะเป็น ไฟสีน้ำเงินกะพริบนอกจากนี้เรานังสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Bluetooth ได้มากกว่า 1 เครื่องพร้อม ๆ กัน และหากเราใช้โหมด

Poly Voyager Surround 80 UC

การประชุมออนไลน์ และปิดเสียงไมโครโฟน สถานะไฟที่แสดงจะเป็น สีแดงทึบ และหากเรากำลังอยู่ในระหว่างสตรีมมิ่งเกม หรือไลฟ์ในคอมพิวเตอร์ สถานะไฟที่แสดงจะเป็น สีม่วงประกาย ซึ่งเป็นการยืนยันได้ว่าเชื่อมต่อกัย Microsoft Teams แล้วนั่นเอง และจะแสดงสถานะไฟ “สีม่วงกระพริบในโหมดการแจ้งเตือน

นอกจากนี้เรายังสามารถสลับการใช้งาน 2 อุปกรณ์ได้ตลอดเวลา แต่เราสมารถเลือกใช้ได้เพียงอุปกรณ์เดียวเท่านั้นนะครับ สำหรับการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ (PC) หรือ แล็ปท็อป นั้นเราสามารถทำได้ 2 แบบ ทั้งการใช้การค้นหาเช่นเดียวที่ทำในโทรศัพท์ หรืออีกวิธีการที่เราเชื่อมต่อโดยใช้อุปกรณ์ที่มาในกล่อง

ของเจ้า Voyager 80 UC ครับ โดยการใช้ หัวอะแดปเตอร์ (Adapter PLC) ที่สามารถเสียบเข้ากับ สายชาร์จ (USB-C Charging Cable) แบบ USB-C to USB-C แล้วนำเจ้า อะแดปเตอร์ ใส่ที่ช่อง USB ของคอมพิวเตอร์ หรือ แล็ปท็อป ของเรา ซึ่งวิธีนี้จะช่วยในเรื่อของคุณภาพการเชื่อมต่อสัญญาณที่ดีกว่า 

หรือเราจะโหลด Poly Lens Desktop มาไว้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือ แล็ปท็อปก็ได้ครับ ซึ่งในกล่องจะมีแผ่นให้เราแสกน QR Code เพื่อโหลดมาให้ เมื่อโหลดเสร็จให้เราเปิดแอป Poly Lens Desktop และให้ไปที่การค้นหาแล้วเลือก Poly BT700 ก็สามารถเชื่อมต่อได้เช่นเดียวกัน

และนอกจาก 2 วิธีข้างต้นแล้ว ในตัวกล่องเองก็ยังมี หัวอะแดปเตอร์(Adapter) แบบ USBC Bluetooth® (BT700) ที่เป็นแบบไร้สาย ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สะดวกมากขึ้น ในกรณีที่อยากได้สัญญาณการเชื่อมต่อแบบ Bluetooth 5.3 และเป็นเทคโนโลยี Bluetooth เวอร์ชันล่าสุด ที่กิน พลังงานต่ำ (Low Energy (LE)

เมื่อใช้แบนด์วิดท์ที่สูงขึ้นกรณีการใช้งานแอปพลิเคชันเฉพาะ และสามารถทำให้การเชื่อมต่อได้อย่างรวดเร็วกว่าในเอร์ชั่นอื่น ๆ อีกทั้งช่วย ลดสัญญาณรบกวนของอปุกรณ์ที่เราเชื่อมต่อ ที่อาจเกิดขึ้นได้ทำให้สามารถจัดการกับการรับส่งข้อมูลแบบต่อเนื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

Poly Voyager Surround 80 UC

การใช้งาน Voyager 80 UC

ในการใช้งานเจ้า Voyager 80 UC นั้นของข้างง่ายครับ ถ้าเราเคยใช้งานระบบสัมผัสในตัวหูฟังไร้สายตัวเล็กมาบ้างแล้วก็จะเข้าใจได้ไม่ยากเท่าไร โดยที่ฟังหูฟังทางด้านขวาจะมีปุ่มสำหรับควบคุมการทำงานต่าง ๆ ครับ สำหรับควบคุม ไม่ว่าจะเป็น การเล่น (play), หยุดเพลงชั่วคร่าว (pause),

การไปฟังเพลงในแทร็กถัดไป (next track), การย้อนกลับไปฟังเพลงก่อนหน้า (previous track) และ การปรับระดับเสียง (volume control) มาให้ ในกรณีที่เราถอดหูฟังออกจากศีรษะของเราตัว Voyager 80 UC จะหยุดการเล่นโดยอัตโนมัติทันที โดยเพลง หรือ วีดีโอ ที่เรากำลังดูอยู่จะอยู่ในสถานะ pause 

และเมื่อเราสวมหูฟังเข้าศีรษะอีกครั้งแล้วเคาะที่หูฟังขวาที่ตัว Voyager 80 UC ก็จะเล่นเพลงต่อในทันทีเช่นเดียวกันครับ ขณะที่ในส่วนของให้ในการสนทนาตัวเครื่องจะทำงานต่อไปปกติครับจะไม่ได้ pause เสียงที่เราฟัง แต่เราสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการฟังด้วยการใช้ Adaptive ANC ที่มีมาในตัวหูฟัง

โดยใช้เพียงการเอานิ้วของเราจิ้ม หรือเคาะ ขณะที่ในโหมดของการเล่นเพลง หรือดูวีดีโอ การเคาะที่หูฟังครั้งหนึ่งจะเป็นการหยุดการเล่นเพลง และสั่งเล่นอีกครั้ง ขณะที่ในการรับสาย หรือวางสาย ก็ใช้การเคาะที่ตัวหูฟังด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ในส่วนของหูฟังใกล้กับปุ่มเปิดเครื่อง Voyager 80 UC จะมีปุ่มสีแดงอยู่ ซึ่งปุ่มดังกล่าวจะเป็น

การกดเพื่อปิดไมโครโฟน (Microphone) ในกรณีที่เราเข้าประชุมออนไลน์อยู่ เพื่อป้องกันการทำให้เกิดเสียงที่ไม่ได้ตั้งใจเล็ดลอดเข้าไปยังห้องประชุมนั้น ๆ ซึ่งในโหมดการใช้ในห้องประชุมออนไลน์ตัวของ Voyager 80 UC นั้นสามารถใช้ร่วมกับ Microsoft Open Office และ Microsoft Teams ได้ในปัจจุบัน 

นอกจากนี้ตัว Voyager 80 UC นั้นได้ถูกออกแบบมาให้มีไมโครโฟนใส่มาให้ทั้งหมด 10 ตัว ซึ่งแบ่งเป็นไมโครโฟน 6 ตัว ในการใช้งานกับสายที่โทรมา หรือเสียงที่เรียกเข้ามา และอีก 4 ตัว มีไว้เพื่อการตัดเสียงรบกวน ดังนั้น ไม่ว่าเราทำงานในสำนักงาน หรือในพื้นที่เปิดโล่ง ที่มีเสียงดัง ก็สามารถจัดกาโทรให้มีคุณภาพได้ 

และด้วยไฟแสดงสถานะที่ตัวหูฟังยังสามารถใช้เป็นสัญลัษณ์แทนให้คนอื่นรับทราบได้ โดยหากไฟแสดงสถานะในตัวจะสว่างขึ้นก็แสดงว่าเรากำลังมีสายสนทนาอยู่ ซึ่งฟังก์ชั่นนี้จะช่วยทำให้เราไม่ถูกรบกวนจากผู้อื่นได้ และหากเราใช้แอป Poly Lens Desktop ก็จะสามารถช่่วยให้สามารถควบคุม และจัดการ Voyager 80 UC บนคลาวด์ได้

อีกด้วย ด้านขุมพลังงานที่ช่วยให้เจ้า Voyager 80 UC นั้นสามารถใช้งานได้นั้นตัวเครื่องนั้นได้ใส่ แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Battery lithium-ion power) มาให้ในตัวซึ่งช่วยให้เราสามารถใช้งานสนทนาสูงสุด 21 ชั่วโมง และฟังได้สูงสุด 24 ชั่วโมง (เมื่อชาร์จเต็ม)

ขณะที่ตัววัสดุที่นำมาใช้กับ Voyager 80 UC ตัวแถบคาดศีรษะแบบปรับได้ และแผ่นรองหูฟังเนื้อนุ่มที่หุ้มด้วยวัสดุหนังเทียม ซึ่งถือว่ามีคุณภาพพอสมควร ด้านชิ้นส่วนอื่นตัว Voyager 80 UC มีการออกแบบดีไซน์ที่ผสมผสานพลาสติกกับคาร์บอนไฟเบอร์เข้าไว้ด้วยด้วยกันจึงทำให้ดูทนทานอยู่ในระดับหนึ่ง

Poly Voyager Surround 80 UC

ข้อสรุปการใช้งานหลังจากทดสอบ

จากการทดสอบ และได้สัมผัสตัวเครื่องของ Voyager 80 UC ถือว่าเป็นอีกหนึ่งหูฟังไร้สายแบบครอบศีรษะที่ค่อนข้างสวมใส่สบายเมื่อปรับให้เข้ากับศีรษะ (ขนาดแอดมินเป็นคนศีรษะใหญ่ยังไม่รู้สึกเจ็บ) ตัวฟังก์ชั่นที่มีมาให้ถือว่าจัดเต็มมาครบเครื่องเหมาะกับการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ เราสามารถนำไปใช้กับงาน Office หรือ Call center

ได้อย่างไม่ขัดเขินเท่าไร ในด้านของคุณภาพเสียงที่ออกมาถือว่าอยู่ในระดับที่พอรับได้ไม่เเย่ ด้วยเสียงที่ออกมาจะเป็นเสียงโทนแหลมมากกว่า ใครที่ต้องการเสียงเบสหนัก ๆ อาจจะไม่เหมาะซักเท่าไร แต่อย่างไรก็ดีด้วยฟังก์ชั่นการตัดเสียง ละระบบการควบคุมแบบสัมผัสที่มีมาให้ก็พอที่จะหักล้างเรื่องของคุณภาพเสียงไปได้ไม่ยาก

ด้านวัสดุที่นำมาใช้ทำตัวเครื่องนั้นถือว่าแข็งแรงทนทานดี ข้อต่อแต่ล่ะจุดไม่มีอาการโยก หรือหลวม ออกมาให้เห็น หากจะคิดอะไรก็คงเป็นเรื่องของตัวแผ่นหนังรองหูฟังที่ใช้วัสดุหนังเทียมมาทำในระยะยาวก็อาจจะมีผลเสียได้หากนำไปใช้ข้างนอกสถานที่ปล่อย ๆ เนื่องจากตัววัสดุหนังเทียมนั้นเมื่อโดนเหงื่อ หรืออากาศร้อนมากจะเปื่อยยุ่ยได้ง่าย

แต่ปัญหานี้นั้นสามารถช่วยให้ดีขึ้นได้ด้วยการที่ผู้ใช้มั่นดูแลรักษาด้วยการทาน้ำยาบำรุงหนังเทียมที่มีขายในท้องตลาด หรือจะทำความสะอาดก่อนแล้วเก็บเข้าไว้ในกระเป๋าใส่แบบเข้ารูปแบบมีซิป (Carrying case) ที่มี โดยเลี่ยงพื้นที่ร้อน และชื้นก็จะช่วยให้สามารถอยู่ได้ยาวนานมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการช่วยป้องกันความเสียหายได้อีกด้วย

ด้าน แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Battery lithium-ion power) แม้ว่าจะสามาถใช้งานได้นานถึง 24 ชั่วโมง แต่ในการใช้งานจริงก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ของเราด้วยเช่นกันครับ หากใช้ดูสื่อที่มีคุณภาพสูงมาก ๆ ก็อาจจะได้ไม่ถึง 24 ชั่วโมง แต่โดยรวมแล้วสามารถใช้งานได้อย่างน้อย 20 ชั่วโมง เป็นอย่างน้อยครับ 

Poly Voyager Surround 80 UC

ข้อดี

  • ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบาเพียง 275 กรัม 
  • มีระบบตัดเสียงภายนอกระหว่างการฟังแบบ Adaptive ANC (แบบปรับได้), SoundGuard Digital
  • มีระยะห่างสูงสุดที่สามารถเชื่อมต่อได้ (Range) ได้ถึง 30 เมตร
  • มีสาย USB-C, สายชาร์จ แบบ USB-C to USB-C, อะแดปเตอร์ USB-C Bluetooth® (BT700), อะแดปเตอร์ (Adapter) แบบ USB-C to USB-A ทำให้สะดวกต่อการใช้งาน
  • มีระบบการการควบคุมเสียง (Volume control) แบบสัมผัส, Smart Sensor Technolog
  • มีจำนวนไมโครโฟน (Number of microphones) มาให้ถึง 10 ตัว (6 สำหรับเสียง, 4 สำหรับ ANC)
  • รองรับการใช้ร่วมกับ Microsoft Open Office และ Microsoft Teams
  • มีปุ่มลัดเพื่อกดปิดไมโครโฟน (Microphone) ในระหว่างประชุมออนไลน์
  • ตัวเครื่องแข็งแรงทนทาน สวมใส่สบาย ข้อต่อแต่ล่ะจุดไม่มีอาการโยก หรือหลวม
  • สามารถสลับการใช้งานได้มากกว่า 2 อุปกรณ์

ข้อเสีย

  • มีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Battery lithium-ion) ที่มีพลังงานให้ใช้งานได้ไม่เกิน 1 วัน
  • ใช้แผ่นหนังรองหูฟังที่ใช้วัสดุหนังเทียมเมื่อโดนเหงื่อ หรืออากาศร้อนมากจะเปื่อยยุ่ยได้ง่าย
  • กระเป๋าใส่แบบเข้ารูปแบบมีซิป (Carrying case) มีขนาดที่พกพาไม่สะดวก
ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) 
*** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A

สามารถกดติดตามข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่  www.facebook.com/itday.in.th

ITDay