ribbon เดินหน้าหลังสร้างฐานผลิตในไทยรับความต้องโซลูชัน IP Optical และ 5G

ริบบอน (ribbon) เดินหน้าหลังสร้างฐานผลิตในไทย และขยายสำนักงาน รองรับความต้องโซลูชัน IP Optical และ 5G ทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้…

highlight

• ริบบอน ขยายธุรกิจในไทยรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น ตั้งเป็นทางเลือกใหม่ เพื่อสร้างเครือข่ายแห่งอนาคต หลังปริมาณทราฟฟิกการใช้งานเครือข่ายเพิ่มสูง จากการที่องค์กรต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นำเครือข่ายไปพัฒนาความเร็ว ความคล่องตัว ความปลอดภัย และสร้างความคุ้มค่าให้เครือข่ายที่ให้บริการ พร้อมตั้งฐานการผลิตในประเทศ และขยายสำนักงาน และจากการเติบโตดังกล่าวทำให้ต้องมีแหล่งพัฒนาห่วงโซ่การผลิต หรือซัปพลายเชน ให้รองรับความต้องการทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ribbon เดินหน้าหลังสร้างฐานผลิตในไทยรับความต้องโซลูชัน IP Optical และ 5G ทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ริบบอน คอมมิวนิเคชันส์ อิงค์ (Ribbon Communications Inc.,) ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีการสื่อสารแบบเรียลไทม์ และโซลูชันเครือข่ายไอพี และออปติคัลแก่ผู้ให้บริการ องค์กร และผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญรายใหญ่ที่สุดของโลกหลายแห่ง เพื่อยกระดับ และปกป้องเครือข่ายของตนให้ทันสมัย และปลอดภัย ยืนยันความมุ่งมั่นในการสนับสนุนประเทศไทยก้าวสู่ดิจิทัลทรานสฟอร์เมชั่น (Digital Transformation)

แซม บุชชี่ รองประธานบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ของ ริบบอน กล่าวว่า จากที่ได้พิจารณา ริบบอน พบว่า มีปัจจัยบวกที่ทำให้ความต้องการโซลูชั่น ไอพีออปติคัล (IP Optical) ช่วงหลังโควิด-19 มีความต้องการเพิ่มขึ้น อยู่ 4 ด้าน ได้แก่่

ผู้ให้บริการเครือข่าย มีทราฟฟิกการใช้งานที่เพิ่มขึ้น โดยในประเทสไทยเองก็มีอัตราการใช้งานเครือข่ายข้อมูลสูงเป็นอย่างมาก โดยเฉลี่ยแล้วจะอยู่ 24G ต่อคน/เดือน อีกทั้งประเทศไทยเองก็ยังมีอัตราการใช้งานเครือข่าย 5G ที่มีสัดส่วนสูงติดระดับโลกอีกด้วย

ทำให้ ต้องการโซลูชันมาช่วยบริหารจัดการ เพื่อลดความซับซ้อน และบริหารต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงยังต้องการโซลูชั่นใหม่ ๆ ที่จะช่วยให้สามารถขยายธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากจุดนี้ทำให้ ริบบอน มองเห็นโอกาสในการเข้ามานำเสนอเทคโนโลยี และโซลูชั่นที่ทันสมัยของ ริบบอน ให้แก่องค์กรต่าง ๆ

และช่วยให้ผู้ให้บริการโทรคมนาคมสามารถนำเสนอบริการอันเป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว สามารถบริหารปรับขนาดแบนด์วิดธ์ที่สูงขึ้นได้ตามต้องการ อีกทั้งยังสามารถจัดแบ่งทรัพยากรโครงข่ายเน็ทเวิร์คสไลซิ่ง (Network slicing) ที่มีความซับซ้อนได้อย่างอัตโนมัติ ส่งให้องค์กรมีผลกำไรสูงขึ้น

โดยผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นของ รินบอน คือ กลุ่มผลิตภัณฑ์ IP Wave ที่มีความสามารถในการช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้ฮาร์ดแวร์ได้เต็มประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยการใช้ซอฟต์แวร์ช่วยให้เกิดการทำงานที่แบบ อัตโนมัติ (Automatic) เพราะเป็นสถาปัตยกรรมแบบเปิด ทำให้รองรับการทำงานของอุปกรณ์จากผู้ให้บริการอื่น ๆ หลากหลาย

“โดยตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผู้ให้บริการ และองค์กรต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นำเครือข่าย 5G มาพัฒนาความเร็ว ความคล่องตัว ความปลอดภัย และความคุ้มค่าของเครือข่ายตนเอง ซึ่งเทคโนโลยี IP Wave ของริบบอนได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการดังกล่าวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และคุ้มค่าการลงทุน”

ภายในปีนี้ ริบบอนจะเริ่มผลิตผลิตภัณฑ์ไอพี (IP) และออปติคัล (Optical) บางรุ่นในประเทศไทย ซึ่งเป็นการขยายเครือข่ายซัพพลายเชนระดับโลกให้กว้างขวางขึ้นไปอีก และจะกลายเป็นหนึ่งในศูนย์ที่ใช้ในการผลิตแพลทฟอร์ม Apollo OT 9408 ที่ริบบอนเพิ่งประกาศเปิดตัวไปเมื่อเร็ว ๆ นี้

ทั้งนี้ Apollo OT 9408 เป็นเทคโนโลยีออปติคอลขั้นสูงที่ช่วยเพิ่มศักยภาพเครือข่ายส่วนทรานสปอร์ตให้เร็วมากขึ้น และมีความจุสูงมากยิ่งขึ้น โดยมอบความเร็ว 1.2T ต่อความยาวคลื่น (1.2T per wavelength) ให้ขนาดความจุได้มากถึง 19.2T จึงให้ความคุ้มค่า และผลประโยชน์มากเมื่อเปรียบเทียบด้านต้นทุน และประสิทธิภาพ

ขณะที่ให้ส่วนของโซลูชัน 5G ของริบบอ ก็เป็นการทำงานแบบอัตโนมัติเช่นกัน โดยตัวโซลูชั่นจำทำการบริหารจัดการทรัพยากรบน ไอพีออปติคัล (IP Optical) ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยเมื่อใช้งานร่วมกับ เน็ทเวิร์คสไลซิ่ง (Network slicing) และเน็ทเวอร์คไทม์มิ่ง (Network timing) จะทำให้สามารถให้สามารถใช้ทรัพยากรบนเครือข่ายให้เกิดประโยชน์สูงสุด 

“ริบบอนมีเป้าหมายที่จะขยายสำนักงานแห่งใหม่เพื่อรองรับกิจกรรมสนับสนุนให้กับลูกค้า พันธมิตรรวมถึงพนักงาน ของริบบอนให้คล่องตัวมากขึ้น” แซม กล่าว

ตั้งฐานผลิตในไทยเพื่อรองรับความต้องการซลูชันเครือข่ายไอพี และออปติคัล ที่เพิ่มสูง

อย่างที่กล่าวไปในข้างต้น ว่า ริบบอน ต้องการนำเสนอเทคโนโลยีการสื่อสารแบบเรียลไทม์ และโซลูชันเครือข่ายไอพี และออปติคัล ให้แก่ ผู้ให้บริการ, องค์กร และผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน ที่มีความต้องการที่เพิ่มขึ้น ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ดังนั้นการตั้งฐานการผลิต และการขยายกิจการในครั้งนี้จะเป็นการวางรากฐานสำหรับการเจริญเติบโต และแสดงถึงความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนลูกค้าในภูมิภาคนี้อย่างต่อเนื่องต่อไป ซึ่งเราเชื่อว่าสามารถเติบโตได้เป็นอย่างดี เนื่องจากหลังสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19)

ตลาดโซลูชั่นไอพีออปติคัล (IP Optical) มีความต้องการเพิ่มสูงเป็นอย่างมากทั่วเอเชียแปซิฟิก และทำให้มียอดสั่งจองเพิ่มขึ้นถึง 50% จากมูลค่าตลาดรวม 300–400 ล้านเหรียญสหรัฐทั่วโลก โดยการตั้งฐานผลิต และขยายสำนักงานมาอยู่ในประเทศไทยในวันนี้จะทำให้เติบโตได้

โดย ริบบอน ได้เริ่ม เปิดสายพานแล้วกว่า 2 เดือน และสร้างให้เกิดการจ้างงาน และช่วยพัฒนาบุคลากรของไทยได้ผ่านการส่งต่อความเชี่ยวชายทางด้านเทคโนโลยีการสื่อสารแบบเรียลไทม์ และโซลูชันเครือข่ายไอพี และออปติคัล ของริบบอน 

“เรามีความยินดีที่ได้ขยายการดำเนินงานของเราในประเทศไทยเพื่อตอบสนองตลาดโทรคมนาคมได้ดียิ่งขึ้นด้วยโซลูชั่นไอพีออปติคัลของเรา”

ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) 
*** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A

สามารถกดติดตามข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่  www.facebook.com/itday.in.th