ทรูมันนี่ (truemoney) แนะวิธีสานสัมพันธ์ครอบครัวด้วยเทคโนโลยีให้มีความสุข และหยุดเสี่ยงรับเชื้อในวันที่เราทุกคนจำเป็นต้องอยู่บ้านเพื่อป้องกันไวรัสโควิด-19…
highlight
- ทรูมันนี่ แนะ 3 ขั้นตอนวิธีสานสัมพันธ์ครอบครัวที่มีหลาก เจนเนอเรชั่น (Generation) ในช่วงจำเป็นต้องกักตัวอยู่บ้าน ด้วยเทคโนโลยีการจับจ่ายผ่านแอปพลิเคชั่นด้านการเงิน อย่างมั่นใจ ไม่ต้องวิตกกังวล โดยขั้นแรกควรเริ่มต้นด้วยการแนะนำง่าย ๆ ไม่ซับซ้อนและบอกข้อดึ ต่อด้วยขั้นที่สองคือควรเริ่มทดลองใช้กับร้านค้าใกล้ ๆ บ้าน และสุดท้ายคือโชว์ผลลัพธ์การใช้งาน และความปลอดภัย เพื่อให้มั่นใจว่าปลอดภัย
truemoney แนะวิธีสานสัมพันธ์ครอบครัวด้วยเทคโนโลยีในช่วงที่จำเป็นต้องอยู่บ้าน
สถาบันครอบครัวถือเป็นจุดเริ่มต้นของการดำเนินชีวิตของผู้คน โดยเฉพาะสังคมไทยที่ครอบครัวมีความสำคัญเป็นลำดับต้น ๆ ทั้งนี้ ในอดีตครอบครัวไทยมักเป็นครอบครัวขยาย แต่ทุกวันนี้ด้วยปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ ทำให้ครอบครัวยุคใหม่มีจำนวนสมาชิกน้อยลงและมีรูปแบบที่มีความหลากหลายมากขึ้น
ทั้งแบบครอบครัวที่มีลูกเล็ก ครอบครัวพ่อหรือแม่เลี้ยงเดี่ยว ครอบครัวข้ามรุ่นที่ผู้สูงอายุอยู่กับหลาน ครอบครัวที่ไม่มีลูก ครอบครัวที่แยกกันอยู่คนละแห่ง แต่ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวแบบไหน หรือมีคนกี่ Gen เป็นสมาชิกครอบครัว ความแตกต่างระหว่างวัยด้วยมุมมอง และประสบการณ์การใช้ชีวิตอาจเป็นส่วนหนึ่ง
ที่ทำให้เกิดช่องว่างในความสัมพันธ์ระหว่างกัน ยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีความเสี่ยงเรื่องของไวรัสโควิด-19 ที่ไม่เพียงส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน แต่รวมถึงความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวที่ทุกคนถูกคาดหวังให้ #อยู่บ้านเถอะนะ แต่ยังคงต้องเว้นระยะห่าง (Social Distancing) เพื่อลดความเสี่ยง
ยิ่งในเดือนแห่งครอบครัวที่วันหยุดยาวถูกยกเลิกพร้อมกับมีการรณรงค์ให้งดการไปเยี่ยมเยียนญาติผู้ใหญ่เพื่อลดความเสี่ยง หลายคนอาจจะรู้สึกเหมือนมีช่องว่างระหว่างกันในครอบครัวมากขึ้น และเป็นการยากที่จะแสดงความห่วงใยกันเหมือนเช่นเคย แต่หากนำเทคโนโลยีเข้ามาเป็นตัวช่วย ก็จะสามารถกระชับความสัมพันธ์ครอบครัว
เพื่อสร้างกำลังใจให้แก่กันได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะอยู่บ้านเดียวกันแต่ต้องห่างกัน หรืออยู่ห่างต่างที่กัน ซึ่งเทคโนโลยีที่ว่าไม่ได้จำกัดเฉพาะการสื่อสาร แต่แอปพลิเคชั่นที่ช่วยดูแลการใช้จ่ายและทำธุรกรรมทางการเงินในชีวิตประจำวันอย่างอีวอลเล็ท ก็สามารถเข้ามามีบทบาททั้งในด้านการมอบความสะดวกสบาย ซื้อหาความเพลิดเพลินคลายเครียด
ที่ออกไปไหนไม่ได้ รวมถึงการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกันก็ได้ด้วยเช่นกัน เพราะหากนึกถึงกิจวัตรของครอบครัวทั่วไปในแต่ละวัน ก็คงไม่พ้นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการจับจ่าย ไม่ว่าจะเป็นซื้อของกิน หาของฝาก ของขวัญ ของใช้ โอนเงินค่าขนม ค่าใช้จ่ายประจำเดือน หรือจ่ายบิลค่าสาธารณูปโภคต่าง ๆ ภายในบ้าน เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การใช้เทคโนโลยีอย่างอีวอลเล็ท ที่ดูจะไม่เป็นปัญหาของคนรุ่นใหม่ แต่ในุมุมมองผู้ใหญ่วัยกลางคนไปจนถึงผู้สูงวัยจำนวนมากยังมองว่าการใช้ช่องทางดิจิทัลชำระเงินอย่าง อีวอลเล็ท (e-Wallet) คือ “ยาขม” ด้วยความที่ไม่สันทัดการใช้เทคโนโลยียุคใหม่
และยังคุ้นชินกับการใช้ “เงินสด” เป็นหลัก บวกกับความไม่มั่นใจในเรื่องความปลอดภัย จึงคิดว่าสิ่งเหล่านี้มาทำให้ชีวิตวุ่นวายไปกว่าเดิม ซึ่งเรื่องนี้ก็ตรงกับผลสำรวจของ Visa Singapore ที่พบว่าผู้สูงอายุเพียง 30% เท่านั้นที่เคยใช้แอปพลิเคชั่นทางการเงิน
อย่าง Mobile Banking หรือ e–Wallet โดยมีข้อมูลที่ยิ่งน่าสนใจคือผู้สูงอายุเกือบทั้งหมดนี้เป็นเจ้าของบัตรเดบิต แต่ก็ยังเลือกจ่ายด้วยเงินสดเวลาชำระเงินอยู่ดี เพราะพวกเขามองว่าตนเองแก่เกินไปที่จะใช้งานสิ่งเหล่านี้
โดยกลัวว่าจะใส่รหัสผิดเพราะสายตาไม่ดี กลัวถูกโกง และมองว่าใช้งานยุ่งยาก แต่ในทางกลับกัน 76% ของผู้สูงอายุจะรู้สึกมั่นใจในการช้อปปิ้ง และชำระเงินออนไลน์มากขึ้นทันที หากมีคนคอยแนะนำหรือมีการสอนให้ใช้งานจนสำเร็จ
ดังนั้น จะดีกว่าไหมหากคนรุ่นใหม่ที่อยู่บ้านว่างและเบื่อในช่วงนี้จะเอาฟีเจอร์หรือประโยชน์ของโลก Digital รวมถึงเรื่องของ Cashless มาช่วยกระชับความสัมพันธ์กับคนในบ้านให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และยกขึ้นมาเป็นหัวข้อพูดคุยกระชับสัมพันธ์ระหว่างกันในช่วงนี้
เพราะผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุหลายคนก็กำลังต้องการทางออกที่ช่วยให้ชีวิตพวกเขาสะดวกสบายและไม่ต้องออกนอกบ้านไปรับความเสี่ยงเช่นกัน แต่จะเริ่มต้นพูดคุยเรื่องเทคโนโลยีอย่างไรให้ผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุสนใจ
เรื่องนี้ทรูมันนี่ ผู้ให้บริการด้านบริการอิเล็กทรอนิกส์เพย์เมนท์ชั้นนำ ที่ร่วมรณรงค์ให้คนไทย #อยู่บ้านเถอะนะ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้มีแนวทางง่าย ๆ มาแนะนำเล่าสู่กันฟัง ดังนี้
ขั้นที่ 1 : ควรเริ่มต้นด้วยการแนะนำง่าย ๆ ไม่ซับซ้อนและบอกข้อดึของการใช้ เทคโนโลยีที่ช่วยแก้ปัญหา
เริ่มต้นจากการแนะนำให้รู้จักกั
โดยไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่
ขั้นที่ 2 : ทดลองใช้กับร้านค้าแถวบ้านก่อน หรือสั่ง delivery
จากนั้นก็ขยับมาเป็นการแสดงตัวอย่างการซื้อสินค้าหรือบริการจากร้านค้าต่าง ๆ เช่น ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ฯลฯ ที่อยู่ใกล้บ้าน ซึ่งช่วงนี้หลายต่อหลายร้านรับซื้อผ่านออนไลน์และมาส่งถึงบ้าน
เพื่อให้ผู้สูงวัยได้เรียนรู้และเข้าใจระบบการชำระเงินดิจิทัลว่าช่วยให้การใช้ชีวิตง่ายดายและรวดเร็วขึ้น แถมยังลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อไวรัสต่าง ๆ ในแบบแทนเงินสด ลดสัมผัส ได้ในช่วงนี้อีกด้วย
ขั้นที่ 3 : โชว์ผลลัพธ์การใช้ งาน และความปลอดภัย
แก้ความกังวลเรื่องความปลอดภั
ไม่ว่าหลังจากจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ หรือค่าสาธารณูปโภคอื่น ๆ ภายในบ้าน ผ่านช่องทาง e-Wallet แล้วรับใบเสร็จ การตรวจสอบความถูกต้องและอี
หากไม่ได้โทรคุ
ขั้นสุด : หมั่นให้กำลังใจ และคอยประคั บประคองอย่างต่อเนื่อง และหากิจกรรมทำร่วมกัน
ข้อนี้สำคัญมาก ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม ความเคารพซึ่งกันและกัน และเคารพซึ่งความต่าง โดยใจเย็นและหมั่นให้กำลังใจระหว่างการเรียนรู้ และประคับประคองไปด้วยกันก็จะทำให้เกิดความใกล้ชิดกันมากขึ้น และเห็นการฝึกใช้เทคโนโลยีเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะเข้าถึงกิจกรรมสนุก ๆ ที่สมาชิกครอบครัวสามารถทำร่วมกันได้ อาทิ
- เลือกรับความบันเทิงที่สนใจร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นหนัง ซีรีส์ สารคดี หรือเพลงเก่าต่าง ๆ ที่สามารถจัดหาได้อย่างง่ายดาย ทั้งจากบนแอปฯ ดูหนัง หรือแอปฯ ไลฟ์สตรีมมิ่งต่าง ๆ หรือการชวนชมพิพิธภัณฑ์ออนไลน์ที่น่าสนใจ เป็นต้น
- กิจกรรมออนไลน์ชวนสนุกแบบครอบครัว เนื่องจากเทคโนโลยีวันนี้นั้นเอื้อให้เราสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มดิจิทัลได้อย่างง่ายดาย ลองหากิจกรรมหรือเกมสร้างสรรค์สนุก ๆ ช่วยฝึกสมองแถมได้รับความเพลิดเพลินบนแพลตฟอร์มออนไลน์ส่งต่อให้ครอบครัว เช่น เกมทำอาหาร เกมแต่งบ้าน ทำสวน เลี้ยงสัตว์เลี้ยงดิจิทัล จับผิดภาพเหมือน เป็นต้น
- ดูแลธุระ และเรื่องค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้แก่กัน เช่น การผูกการจ่ายกับแอปฯ เดลิเวอรี่ต่าง ๆ เพื่อสั่งของกินของใช้ที่ขาดมาส่ง การช่วยชำระค่าสาธารณูปโภคของบ้าน หรือการช็อปปิ้งออนไลน์เพื่อค้นหาของขวัญของฝากไปส่งให้ญาติที่อยู่ห่างไกล เป็นต้น
จะเห็นได้ว่า ถึงเทคโนโลยีจะเข้ามาช่วยเติ
และลองมองให้ลึกคุณจะเห็นถึ
ส่วนขยาย * บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ ** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) *** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก www.pexels.com
สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่ www.facebook.com/itday.in.th