เผยตัวเลขผลสำรวจล่าสุดของ ไอดีซี (IDC) พบยอดขายสมาร์ทโฟนในประเทศไทยยอดลงลงกว่า 5.5% เมื่อเทียบกับปี 2561 โดย ซัมซุง และ หัวเว่ย มียอดตก ขณะ รีโว่ โตมากสุด…
IDC เผย Samsung และ Huawei ยอดจำหน่ายลด ขณะ Vivo โตมากสุด
ในปี 2020 นี้ การแข่งขันของตลาดมือถือแม้จะดูดุเดือด เพราะหลายแบรนด์ต่างแข่งขันกันด้วยการเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นความสามารถของกล้องที่นัวันจะแทนกล้องดิจิทัลแบบโปรฯได้มากขึ้น โดยมีแบรนด์จีนต่างๆ เป็นตัวแปร่ในการลักดันตลาด เพราะจัดหนักทั้ง สเปค+ฟีเจอร์ใหม่ ๆ ในราคาที่เอื้อมถึงได้ไม่ยาก
และคาดการณ์กันว่าสถาการณ์การแข่งขันจะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น…แต่ล่าสุดจากการเปิดเผยจากทาง “ไอดีซี” (IDC) บริษัทที่ปรึกษา และวิจัยข้อมูลการตลาดชั้นนำระดับโลก กับชี้ว่าแบรนด์ที่เคยเป็นเจ้าตลาดในประเทศไทย อย่าง ซัมซุง (Samsung) และหัวเว่ย (Huawei) กำลังมียอดจำนหน่ายลดลง ขณะที่แบรนด์จีนอื่น ๆ กลับเติบโต
โดยทาง ไอดีซี เผยว่า ภาพรวมของตลาดมือถือในประเทศไทยนั้นมียอดจำหน่ายรวมอยู่ที่ 18.2 ล้านเครื่อง ในปี 2562 ที่ผ่านมา โดยส่วนแบ่งทางการตลาดของแบรนด์ต่าง ๆ มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิม โดยแม้ว่าทาง ซัมซุง (Samsung) จะยังสามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 อยู่ที่ 24%
แต่กลับมีอัตราจำหน่ายลดลงกว่า 5% (เทียบปีต่อปี) ซึ่งคาดว่าเนื่องจาก ซัมซุง ไม่ได้ให้ความสำคัญต่อการจำหน่ายสมาร์ทโฟนในซีรี่ย์ “J” ซึ่งเป็นรุ่นขายดีในปี 2561 แต่ให้น้ำหนักเน้นในรุ่นซี่รี่ย์ “A” ที่เป็นรุ่นที่มีสเปค และราคา ที่มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงในตลาด โดยมี Samsung A10 และ A10s เป็นเรือธงที่ขายดีที่สุดในปี 2562 ที่ผ่านมา
ขณะที่แบรนด์จีนที่เคยตามจี้ซัมซุง อย่าง หัวเว่ย (Huawei) เอง ก็มียอดขายลดลงถึง 28% (เทียบ ปีต่อปี) โดยสาเหตุหลัก ๆน่าจะมาจากการที่ยังไม่สามารถปล่อย Huawei AppGallery ที่มีแอปพลิเคชั่น ที่จะมาทดแทนแอปพลิเคชั่นจาก กูเกิล (Google Services) อาทิ YouTube, Maps, Gmail, Drive
หรือแม้แต่แอปพลิเคชั่นอื่น ๆ จาก Google Play ได้นั่นเอง แม้ว่าทาง หัวเว่ยจะออกมายื่นยันแล้วก็ตามว่าในรุ่นก่อนหน้าที่จะเกิดประเด็นข้อพิพาทกับทางสหรัฐฯ จะยังสามารถใช้บริการจาก Google Services ได้อยู่เช่นเดิม แต่ก็สร้างความไม่เชื่อมั่นในหมู่ผู้บริโภคชาวไทยไม่น้อย
เพราะรุ่นใหม่ ๆ ที่ออกมา แม้จะมีฟีเจอร์ และสเปคเทพ มากแค่ไหนก็ยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคในตลาดไทยกับมาใช้ได้มากเท่าที่ควร อย่างไรก็ดีรุ่นที่มียอดขายดีของหัวเว่ย ในช่วงปี 2562 นั้น คือ Huawei Y7 Pro และ Huawei nova 4
ด้าน แอปปิ้ล (Apple) ที่ปล่อย “ไอโฟน” (iphone) ซีรี่ย์ 11 ที่มาพร้อมกล้อง และสเปคเทพ มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max บวกกับ ค่าเงินบาท ที่แข็งขึนทำให้ราคาของ ไอโฟน อยู่ในระดับที่น่าสนใจ จนทำให้สามารถสร้างยอดขายโตขึ้นถึง 22% (เทียบปีต่อปี)
ขณะทีแบรนด์จีนอย่าง ออปโป้ (OPPO) ในปีที่ผ่านมา สามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้นมากถึง 14% (เทียบปีต่อปี) เนื่องจากสามารถพัฒนาความร่วมมือกับค่ายโทรคมนาคมของไทย ทำให้ได้ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นจากรุ่น OPPO A5 และ OPPO A5s ที่ขายในราคาย่อมเยา และขายดีที่สุดมากที่สุดของปี 2562
โดยจากผลสำรวจยังพบว่าแบรนด์สมาร์ทโฟนที่สามารถสร้างยอดขายเพิ่มมากที่สุดในช่วงปีที่ผ่านมา คือ วีโว่ (Vivo) โดยสามารถสร้งยอดจำนหน่ายได้มากถึง 23% (เทียบปีต่อปี) โดยหลังจากที่ได้ขยายความร่วมมือเพื่อเพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายร่วมกับผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคม และการทำตลาดในราคาที่ย่อมเยาในซีรี่ย์ “Y” ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยรุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดได้แก่ Vivo Y91 และVivo Y11
ขณะที่ปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลบวกกับยอดขายนั้น ได้แก่ ผู้ให้บริการโทนคมนาคมในประเทศไทย อย่าง เอไอเอส ดีแทค และทรูมูฟ เปลี่ยนกลยุทธ์จากเป็นผู้จัดจำหน่ายเครื่องเอง ไปเป็นในรูปแบบของความร่วมมือกับแบรนด์ระดับโลก รวมไปถึงแบรนด์จีนแทน และสามารถทำราคาเครื่องให้มีราคาถูกลง
รวมไปถึงการเปลี่ยนไปในอยู่รูปแบบของการขายเครื่องพร้อพ่วงสัญญารายเดือนแทน ทำให้ยอดขายของสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นจากช่องทางของผู้ให้บริการทางดด้านโทรคมนาคมอีกทาง อย่างไรก็ดีเมื่อพิจารณาจากยอดขายรวมทั้งหมดจากทุกแบรนด์ (Samsung, Huawei, Apple iphone, OPPO และVivo)
ภาพรวมของตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทย กลับมียอดจำหน่ายรวมลดลงถึง 5.5% ด้วยกัน ซึ่งอาจเป็นเพราะการแข่งขัน สเปคเครื่องที่ยังรองรับเทคโนโลยีที่อยู่ได้ และภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา ทำให้ผู้บริโภคชาวไทยจึงชะลอในการเปลี่ยนเครื่องรุ่นใหม่ลง
ส่วนขยาย * บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ ** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) *** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก www.pexels.com
สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่ www.facebook.com/itday.in.th