Huawei ประกาศลุย Harmony OS ไม่สน!! Google พร้อมสนับสนุนนักพัฒนาต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 63 ที่ผ่านมา Huawei ได้จัดงาน Developer Conference 2020 (Together) พร้อมปรพกาศลุยพัฒนา Harmony OS ลงทุกอุปกรณ์ ไม่ง้อ Google อีกต่อไป!!…

Huawei ประกาศลุย Harmony OS ไม่สน!! Google พร้อมสนับสนุนนักพัฒนาต่อเนื่อง

โดยในงานประชุม หัวเว่ย Developer Conference 2020 (Together) ณ ทะเลสาบซงซาน มณฑลกว่างตง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2563 ที่ผ่านมา ทาง หัวเว่ย ได้ออกมาประกาศถึงการอัปเดตครั้งสำคัญของระบบปฏิบัติการ Harmony OS

Huawei

ซึ่งหัวเว่ยยืนยันว่าปลอดภัยกว่าระบบของระบบปฏิบัติการ Android OS ของ กูเกิล และยังสามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์ IoT ได้ดีกว่าเพราะถูกออกแบบมาให้รองรับการทำงานของเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตในทุกสรรพสิ่ง หรือ ไอโอที (IoT) มาตั้งแต่ต้น และเป็นสิ่งที่ หัวเว่ย ได้เตรียมพร้อมมาตั้งแต่ปี 2017 หลังถูกทางกูเกิลปิดกันไม่ให้

ใช้ ระบบปฏิบัติการ Android OS โดยระบบปฏิบัติการ Harmony OS จะถูกพัฒนา จะใช้ในอุปกรณ์ หรือดีไวซ์ของหัวเว่ยของหัวเว่ย นับจากนี้เป็นต้นไป และนอกจากนี้ หัวเว่ยยังคงเดินหน้าจับมือกับนักพัฒนาทั่วโลก และสร้าง อีโคซิสเต็มที่ สมบูรณ์แบบ เพื่อให้ผู้ใช้งานดีไวซ์หัวเว่ยได้รับความสะดวกสบายมากที่สุด

Huawei
ริชาร์ด หยู (Richard Yu) กรรมการบริหาร และซีอีโอ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป

ริชาร์ด หยู (Richard Yu) กรรมการบริหาร และซีอีโอ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 3 วันของงาน Developer Conference 2020 ได้มีนักพัฒนาจากทั่วโลกจะมารวมตัวกันผ่านหลากหลายกิจกรรมที่น่าตื่นเต้นของหัวเว่ย ไม่ว่าจะเป็นเวทีเสวนา Lakeside Talks, Tech. Sessions,

Tech. Hour, Codelabs และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยกิจกรรมต่าง ๆ เหล่านี้จะเปิดโอกาสให้นักพัฒนาได้พูดคุยสร้างเครือข่าย ทำงานร่วมกัน และร่วมสำรวจแนวทางต่าง ๆ เพื่อมอบประสบการณ์อัจฉริยะที่ครอบคลุมทุกสถานการณ์ให้กับผู้ใช้ทุกคน ซึ่งความก้าวหน้าของหัวเว่ยในการพัฒนาอีโคซิสเต็มเกิดขึ้นได้ด้วยการสนับสนุนอย่างหนักแน่น

จากนักพัฒนาและพาร์ทเนอร์ทั่วโลก โดยหัวเว่ยจะเปิดกว้างเทคโนโลยีหลักที่สำคัญ รวมถึงศักยภาพของซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์ให้กับนักพัฒนาอย่างเต็มที่พร้อมทั้งทำงานร่วมกับพวกเขาเหล่านี้ เพื่อขับเคลื่อนการสร้างสรรค์นวัตกรรมในอีโคซิสเต็มอัจฉริยะที่ครอบคลุมทุกสถานการณ์ให้ก้าวไกลยิ่งขึ้น

Huawei

ดวงดาวยังส่องสว่างแม้ในค่ำคืนอันมืดมิดที่สุด นักพัฒนาทุกคนล้วนเป็นเสมือนดวงดาว ซึ่งเมื่อรวมตัวกันก็จะเกิดเป็นรัศมีที่เปล่งกระกาย และจะส่องสว่างนำทางให้เรา

HarmonyOS รุ่นเบต้าสำหรับมือถือ พร้อมเปิดให้นักพัฒนาภายในสิ้นปีนี้

Huawei

HarmonyOS ระบบปฏิบัติการสำหรับการใช้งานที่ครอบคลุมทุกสถานการณ์ไปเมื่อปี 2019  นับตั้งแต่นั้นมาก็มีอุปกรณ์อีกมากมายที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อรองรับระบบดังกล่าว ช่วยให้ค้นหาอุปกรณ์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เชื่อมต่อทันทีทันใด เกิดการทำงานร่วมกันของฮาร์ดแวร์ และเกิดการแบ่งปันทรัพยากรระหว่างสมาร์ทดีไวซ์หลายชิ้น

Huawei

วันนี้ หัวเว่ย ได้ประกาศเปิดตัว HarmonyOS 2.0 โดยเป็นการอัปเกรดศักยภาพที่มีอยู่เดิมอย่างรอบด้าน ซึ่งรวมถึงระบบส่งข้อมูลข้ามกันระหว่างซอฟต์แวร์ การจัดการข้อมูล และความปลอดภัย พร้อมกันนี้ หัวเว่ย ยังเปิดตัวกรอบความร่วมมือ UX (User Experience)

 

ซึ่งจะทำให้นักพัฒนาสามารถเข้าถึงอุปกรณ์ใหม่ และผู้ใช้ใหม่จำนวนหลายสิบล้านได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการอัปเดตครั้งล่าสุดนี้ ระบบปฏิบัติการ HarmonyOS จะกลายเป็น โอเพนซอร์ซ อย่างเป็นทางการ และนักพัฒนาจะได้รับอนุญาตให้เข้าถึงโปรแกรมจำลองโทรศัพท์มือถือ (emulator)

Huawei

รวมถึง ชุดพัฒนาซอฟต์แวร์ (SDK) และเครื่องมือ IDE ที่ช่วยในการพัฒนาโปรแกรม ทั้งนี้ โครงการโอเพนซอร์ซซึ่งบริจาคให้กับมูลนิธิ OpenAtom จะเปิดตัวพร้อมกับ HarmonyOS รุ่นเบต้าสำหรับโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเบื้องต้นมีกำหนดว่าจะเปิดให้นักพัฒนาจีนก่อนในช่วงสิ้นปี 2020

“ตั้งแต่วันที่ 10 กันยายนนี้เป็นต้นไป ระบบปฏิบัติการ HarmonyOS จะเปิดให้ใช้งานสำหรับอุปกรณ์ IoT ที่มีหน่วยความจำ 128 กิโลไบต์-128 เมกะไบต์ เช่น สมาร์ททีวี, สมาร์ทดีไวซ์สำหรับสวมใส่ (wearable), รถยนต์ เป็นต้น จากนั้นในเดือนเมษายน 2021

เราจะเปิดให้กับอุปกรณ์ที่มีหน่วยความจำ 128 เมกะไบต์-4 กิกะไบต์ และในเดือนตุลาคม 2021 ระบบปฏิบัติการ HarmonyOS จะเปิดให้ใช้งานสำหรับอุปกรณ์ที่มีหน่วยความจำมากกว่า 4 กิกะไบต์ ขึ้นไป” ริชาร์ด หยู กล่าว

 

Huawei

ด้วยการทำงานได้บนหลายอุปกรณ์ และหลายชิปประมวลผลพร้อมกันในระบบปฏิบัติการ HarmonyOS ด้วยซอฟต์แวร์ EMUI 11 ที่ปล่อยออกมาใหม่นี้จะยกระดับการตอบสนองระหว่างดีไวซ์ให้เป็นได้มากกว่าแค่สมาร์ทโฟน โดยจะทำให้สมาร์ทดีไวซ์ต่าง ๆ สามารถตอบสนองกับอุปกรณ์ IoT ที่ใช้ HarmonyOS ได้

ทำให้ผู้ใช้ได้สัมผัสประสบการณ์ที่ครอบคลุมทุกสถานการณ์ และโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ อย่างการวิดีโอคอลด้วยกล้องของดีไวซ์อื่นที่จอใหญ่กว่า เช่น จากโดรน หรือสมาร์ทวิชั่น (โทรทัศน์) ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ด้วการเชื่อมต่อแบบไร้สัมผัสระหว่างสมาร์ทโฟน และอุปกรณ์สมาร์ทโฮมที่ใช้ HarmonyOS ทำให้การฉายภาพขึ้นจอ และการใช้งานอื่น ๆ เป็นไปได้

HMS (Huawei Mobile Services) Ecosystem : สร้างสถิติด้วยการเป็นอีโคซิสเต็มแอปพลิเคชันที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก

Huawei

 

HMS และ AppGallery เติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในปีนี้ ด้วยแรงผลักดันจากผลงานของกว่า 1.8 ล้านนักพัฒนาทั่วโลก ปัจจุบัน หัวเว่ย AppGallery มีแอปพลิเคชันทั้งหมดรวมแล้วกว่า 96,000 แอปฯ ที่อยู่บนแพลตฟอร์ม HMS Core และมีผู้ใช้งานประจำกว่า 490 ล้านรายทั่วโลก

นอกจากนั้นยังมีการดาวน์โหลด และใช้งานกว่า 2.61 แสนล้านครั้ง ตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงเดือนสิงหาคม 2020 โดยภายใน 1 ปี ส่วนหลักของแพลตฟอร์ม HMS Core 5.0 ที่นักพัฒนาสามารถเข้าถึงได้ มีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 14 ชุด เป็น 56 ชุด

Huawei

และจำนวนของ APIs ได้ก้าวกระโดดจาก 885 ชุด เป็นจำนวนถึง 12,981 ชุด ครอบคลุม 7 ด้านหลัก ช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างนวัตกรรม และทำให้กระบวนการพัฒนาง่ายมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ชุดซีจี (CG Kit) ในบริการด้านกราฟิกที่ช่วยพัฒนางานกราฟิก คุณภาพของภาพ

และประสบการณ์การรับชมภาพไปพร้อมกับการยกระดับประสิทธิภาพการแสดงผลในการเล่นเกม ชุดโลเคชั่น (Location Kit) ในประเภท App Services สามารถระบุตำแหน่งในระดับเซนติเมตรถึงมิลลิเมตรได้ถูกต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่ใช้งาน

Huawei

 

หัวเว่ยยังคงมุ่งมั่นที่จะเปิดให้เข้าถึงซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์หลักบนแพลตฟอร์มอย่างเต็มที่ ปัจจุบันมีส่วนซอฟต์แวร์หลักที่เปิดให้ใช้งานแล้ว ได้แก่ เบราเซอร์, การค้นหา, แผนที่, การชำระเงิน และการโฆษณา เพื่อเร่งการเติบโตของนวัตกรรมในการพัฒนาแอปฯ นอกจากนั้นหัวเว่ยยังเปิดให้นักพัฒนาได้เข้าถึงส่วนฮาร์ดแวร์

ทั้งกล้องมาตรฐานระดับโลก แผนที่ AR เครื่องมือสื่อสารและรับ-ส่งสัญญาณ รวมไปถึงระบบความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัว จากการเปิดให้เข้าถึงส่วนหลักของแพลตฟอร์มเหล่านี้ หัวเว่ยมีความตั้งใจจะสนับสนุนให้นักพัฒนาคิดค้นแอปพลิเคชันยุคใหม่ที่จะสร้างความแตกต่าง และได้รับความนิยมในหมู่ผู้บริโภค

Huawei

นอกจากนี้หัวเว่ยยังได้มีการขยายการสนับสนุนออกไปในวงกว้าง เพื่อช่วยให้นักพัฒนาสามารถมองเห็นโอกาสทางธุรกิจทั้งในตลาดจีนและตลาดอื่นๆ ทั่วโลก โดยมีบริการให้คำปรึกษาในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระบบการจัดการแบบท้องถิ่น (Localization) และแบบบูรณาการ (Integration) รวมถึงการให้บริการด้านการตลาด และแคมเปญ

Huawei

นับจากนี้หัวเว่ยยังคงขยายการให้บริการสำหรับนักพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยหัวเว่ยกำลังสร้างห้องปฏิบัติการระดับโลกเพื่อสร้างความร่วมมือด้านอีโคซิสเต็มจำนวน 3 แห่ง ในประเทศรัสเซีย โปแลนด์ และเยอรมนี เพื่อเปิดให้นักพัฒนาจากทั่วโลกใช้งาน ทดสอบ และให้บริการในด้านการรับรองระบบอีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งศูนย์บริการนักพัฒนาระดับโลกอีก 5 แห่งในประเทศโรมาเนีย มาเลเซีย อียิปต์ เม็กซิโก และรัสเซีย โดยให้บริการระบบในท้องถิ่น และแพลตฟอร์มที่จัดตั้งภายในประเทศเพื่อช่วยให้นักพัฒนาสามารถเติบโตและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ได้ดียิ่งขึ้นในอนาคต

HiLink : บุกเบิกการเชื่อมต่อ การจัดการ และการแลกเปลี่ยนระหว่างอุปกรณ์ IoT (Internet of Things)

Huawei

ขณะที่ HiLink จะเป็นระบบที่ทำลายกำแพงระหว่างอุปกรณ์ IoT โดยทำหน้าที่เป็นภาษากลาง สร้างแพลตฟอร์มหนึ่งเดียวที่อุปกรณ์ต่างๆ สามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างง่ายดาย และมีปฏิสัมพันธ์กันได้อย่างไร้รอยต่อ โดยในปี 2020 นี้ หัวเว่ย HiLink จะได้รับการพัฒนาใน 5 ด้านหลัก

ได้แก่ การเชื่อมต่อ, การปฏิสัมพันธ์, การปฏิบัติการ, การบริการโซลูชั่น และการยืนยันตัวตน เป้าหมายคือการให้อุปกรณ์ IoT กว่าพันล้านชิ้นเชื่อมต่อกันได้ง่ายมากขึ้น สามารถจัดการ และควบคุมได้สะดวกมากขึ้น และทำงานร่วมกันอย่างไร้รอยต่อ

เพื่อสร้างอีโคซิสเต็มของฮาร์ดแวร์สำหรับทุกสถานการณ์ จนถึงวันนี้ ผู้ใช้งานประจำ 50 ล้านรายได้ช่วยสร้างการใช้งานระหว่างอุปกรณ์กว่า 1 พันล้านครั้ง โดยมียอดดาวน์โหลดแอปฯ Smart Life รวมกว่า 400 ล้านครั้ง รวมไปถึงการพัฒนา แพลตฟอร์ม HiCar ที่รองรับการเชื่อมต่อแบบ IoT

Huawei

โดยวันนนี้ หัวเว่ยได้ร่วมมือกับรถกว่า 150 รุ่น เพื่อเปิดโอกาสให้เจ้าของรถได้สนุกกับประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบอัจฉริยะในอนาคตอันใกล้ ซึ่งทั้งหมดคือความมุ่งมั่นในการสร้างการเติบโตของอีโคซิสเต็มฮาร์ดแวร์ IoT โดยทุ่มเทกำลังให้การพัฒนา IoT ให้เป็นไปได้ง่ายขึ้น

และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการสร้างอุปกรณ์ใหม่ๆ ที่สามารถใช้แพลตฟอร์ม HiLink ได้ ทำให้หัวเว่ยสามารถสนับสนุนคู่ค้าทางธุรกิจให้เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม IoT ได้

หัวเว่ย Research : นวัตกรรม “แพลตฟอร์มการค้นคว้า” เพื่อโลกอนาคต

Huawei

การวิจัยของ หัวเว่ย มุ่งเน้นไปที่การวิจัยตั้งแต่ต้นจนจบ โดยมีแพลตฟอร์มหลักสองส่วน ประกอบไปด้วย หัวเว่ย Research Kit และ หัวเว่ย Research Cloud สองสิ่งนี้ช่วยอำนวยความสะดวกในกระบวนการวิจัยเชิงนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพ และเร่งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี พร้อมบ่มเพาะนวัตกรรมการพัฒนาแอพ

รวมถึงบรรลุการเปลี่ยนแปลงทางผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้การทำงานร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น สถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์ สถาบันนวัตกรรม องค์กรอุตสาหกรรม สถาบันทางการแพทย์ และพันธมิตรในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะเป็นกำลังสำคัญให้อุตสาหกรรมจากทุกภาคส่วนประสบความสำเร็จ

ในด้านสุขภาพ (Active Health Field) หัวเว่ยช่วยในการวิจัยสุขภาพหัวใจ โดยมีการตรวจสอบว่าข้อมูลการวิจัยด้านสุขภาพที่รวบรวมมานั้นถูกต้องและมีความหลากหลาย ส่วนด้านความปลอดภัยระหว่างการเดินทาง (Travel Safety Field) โทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์สวมใส่ต่าง ๆ จะทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาดกับตัวรถยนต์

เพื่อนำเสนอเทคโนโลยีการขับขี่ที่ปลอดภัยใหม่ ๆ เช่น ระบบหลีกเลี่ยงการชน และการดูแลความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ ขณะที่เวลาอยู่บ้าน (Home Life Field) หัวเว่ย จะใช้ความสามารถในการตรวจจับแบบไร้สายที่เชื่อมต่อกับหลายอุปกรณ์ โดยมีฟีเจอร์ที่คอยอำนวยความสะดวกต่าง ๆ

ได้แก่ การตรวจจับการล้ม, ตรวจสอบความผิดปกติในการหายใจ และยังสามารถระบุตำแหน่งเชิงพื้นที่ได้อีกด้วย แน่นอนว่า หัวเว่ย ยังคงขับเคลื่อนระบบอีโคซิสเต็มทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ให้ก้าวไปข้างหน้า ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเปิดกว้างทางเทคโนโลยี และขยายประสิทธิภาพให้มากยิ่งขึ้น เพิ่มขีดความสามารถให้กับนักพัฒนา และพันธมิตรทั่วโลกเพื่อสร้างความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ร่วมกัน

Huawei

มินทร์ อัศวโชค ที่ปรึกษาอาวุโสด้านวิศวกรรมเทคนิค หัวเว่ย ประเทศไทย กล่าวอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายละเอียดกลยุทธ์การพัฒนา HarmonyOS และ HMS 5.0 ในประเทศไทย ว่า ปัจจุบันฐานผู้ใช้ AppGallery ในประเทศไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีเสถียรภาพ

หัวเว่ย ได้มีส่วนช่วยให้พาร์ทเนอร์ประสบความสำเร็จทางธุรกิจด้วยการขยายฐานผู้ใช้แอปพลิเคชัน เช่น LINE MAN และ Wongnai คือตัวอย่างแอปพลิเคชันที่ประสบความสำเร็จ โดยนักพัฒนาจำนวนมากที่มาร่วมงานระบุว่าพวกเขาได้ความรู้ที่ครอบคลุมรอบด้านเกี่ยวกับการพัฒนาอีโคซิสเต็มของหัวเว่ย

อีกทั้งมองว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะได้แบ่งปันและแลกเปลี่ยนไอเดียในหมู่นักพัฒนาด้วยกันเอง พวกเขารู้สึกมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าหัวเว่ยจะเติบโตอย่างรวดเร็ว และแข็งแกร่งในการส่งมอบผลิตภัณฑ์ และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ไร้รอยต่อสำหรับทุกคน และทุกสถานที่

ระบบอีโคซิสเต็มของหัวเว่ยเปิดกว้างสำหรับนักพัฒนา และพันธมิตรทุกคน พร้อมต้อนรับทุกคนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีม และเติบโตไปด้วยกัน

ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) 
*** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A

สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่  www.facebook.com/itday.in.th