หัวเว่ย (Huawei) ยันพร้อมนำเทคโนโลยี ICT เสริมแกร่งโครงข่ายไฟฟ้าอัจริยะ (Smart Grid) ชี้อุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้าจำเป็นต้องปฏิรูปอย่างเร่งด่วน…
Huawei ยันนำเทคโนโลยี ICT เสริมแกร่งโครงข่ายไฟฟ้าหลังพบต้องปฏิรูปอย่างเร่งด่วน
หัวเว่ย เผยสถาการณ์การใช้พลังงานไฟฟ้าในงานประชุม Huawei Global Power Summit ครั้งที่ 7 ในหัวข้อ “บิต ขับเคลื่อน วัตต์ สร้างโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะที่เชื่อมต่อครบวงจร“ (Bits Drive Watts, Building a Fully Connected Smart Grid) ผ่านช่องทางออนไลน์
โดยมีลูกค้า พันธมิตร ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม และผู้นำความคิดในแวดวงอุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้าจากนานาประเทศเข้าร่วม เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับผลกระทบ และวิธีรับมือกับสถานการณ์โรคระบาด รวมถึงความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปีนี้ อย่างไรก็ตาม ตลาดพลังงานไฟฟ้ายังคงมีศักยภาพสูง
จึงเกิดคำถามว่าภาคอุตสาหกรรมจะสามารถสร้างและพัฒนาระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะที่มีความเสถียร ประสิทธิภาพสูง คุ้มค่าต่อการลงทุน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยใช้ทรัพยากรพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และสมเหตุสมผลได้อย่างไร
บริษัทพลังงานไฟฟ้าทั่วโลกกำลังเฟ้นหาวิธีการในการพัฒนาคุณภาพ และประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ผ่านการสร้างศูนย์ข้อมูลและการปฏิรูปแพลตฟอร์มการจัดการต่าง ๆ โดยมุ่งผลิตพลังงานที่เสถียร มีประสิทธิภาพ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีความปลอดภัยต่อโครงข่าย
พร้อมมอบบริการที่มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น ผ่านเครือข่ายระบบพลังงานไฟฟ้าที่เชื่อมโยงถึงกันเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาของสังคม อย่างไรก็ตาม โมเดลการทำงาน และเทคโนโลยีแบบดั้งเดิมไม่สามารถส่งเสริมการปฏิรูปอุตสาหกรรมในลักษณะนี้ได้ ฉะนั้นอุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้าระดับโลกจึงจำเป็นที่จะต้องทบทวนเกี่ยวกับการปรับตัว
เพื่อรับมือกับเทรนด์ความท้าทายใหม่ๆ เช่น โครงข่ายไฟฟ้าจะสามารถตรวจจับปัญหาด้านความปลอดภัยและรับมืออย่างทันท่วงทีได้อย่างไร เราจะสามารถใช้พลังงานสะอาดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างไร
และเครือข่ายพลังงานจะสามารถตอบสนองต่อสถานีจ่ายไฟฟ้าที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร ในขณะเดียวกัน ความท้าทายย่อมหมายถึงโอกาส
“หัวเว่ย พร้อมช่วยเหลือลูกค้าในอุตสาหกรรมรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ เพื่อคว้าโอกาสในอนาคตด้วยการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล”
เดวิด ซุน รองประธาน กลุ่มธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ของหัวเว่ย และประธานฝ่ายธุรกิจพลังงานระดับโลก กล่าวว่า หัวเว่ยได้ผสานเทคโนโลยี 5G, IoT, Optical, IP, Cloud, Big data และ AI เข้ากับระบบพลังงานไฟฟ้าอย่างไร้รอยต่อ โดยร่วมมือกับพาร์ทเนอร์เพื่อเปิดตัวโซลูชันสมาร์ทเซอร์วิสหลายรูปแบบ
อาทิ การตรวจสอบระบบโครงข่ายไฟฟ้าโดยใช้ขุมพลังของ AI และการจ่ายไฟด้วย IoT ซึ่งจะครอบคลุมทั้งการผลิตพลังงาน การส่งสัญญาณ การแปลงพลังงาน การจ่ายไฟ รวมไปถึงการใช้ไฟฟ้า สิ่งเหล่านี้ช่วยทำให้เกิดเซ็นเซอร์ที่ครอบคลุม เชื่อมต่อถึงกันได้ และยังทำให้เทอร์มินัลพลังงานหลายตัวสามารถส่งมอบบริการอันชาญฉลาดได้
หัวเว่ย มุ่งมั่นที่จะแบ่งปันประสบการณ์ด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของภาคพลังงานไฟฟ้าและภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ ในประเทศจีนให้แก่ลูกค้าจำนวนมากขึ้น ผลักดันบิตเพื่อขับเคลื่อนวัตต์ และสร้างโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะเพื่อช่วยให้บริษัทด้านพลังงานไฟฟ้าในระดับโลกสามารถเร่งให้เกิดการพัฒนาที่รวดเร็วขึ้น
ปัจจุบัน บริษัทด้านพลังงานไฟฟ้าที่ให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในการประชุมครั้งนี้ หัวเว่ย และผู้นำในภาคอุตสาหกรรมหลายรายได้กล่าวถึงความสำคัญของเทคโนโลยี 5G, AI, Big data และการประมวลผล Cloud Computing ที่มีผลต่อกระบวนการเปลี่ยนผ่านดังกล่าว
ทั้งนี้ เทคโนโลยีการจัดแบ่ง (Slicing Technology) แบบ 5G ที่ล้ำสมัยของหัวเว่ยสามารถทำให้เกิดการสื่อสารแบบต้นสายถึงปลายสายบนโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ ซึ่งทำให้เครือข่ายการจ่ายพลังงานมีความปลอดภัย และเสถียร ทั้งยังมีประสิทธิภาพการทำงานที่สูงขึ้น
ส่วนเทคโนโลยี หัวเว่ย คลาวด์ และแพลตฟอร์มข้อมูลช่วยจัดเตรียมแหล่งความจุข้อมูล และความสามารถด้านการประมวลผลคอมพิวเตอร์จำนวนมหาศาล ผสานข้อมูลจากหลายระบบในโครงข่ายไฟฟ้าของบริษัทหนึ่ง ๆ เข้าด้วยกันเป็นแพลตฟอร์มเดียว
โดยการประมวลผลและการแบ่งปันข้อมูลด้วยความเร็วสูงของแพลตฟอร์มดังกล่าวจะช่วยทำให้งานที่ท้าทายหลากหลายรูปแบบสำเร็จลุล่วงไปได้ นอกจากนี้ เทคโนโลยี AI ของหัวเว่ยที่ฝังเข้าไปในกล้องและหุ่นโดรนต่างๆ ยังช่วยให้ทีมปฏิบัติงาน และบำรุงรักษาอุปกรณ์สามารถตรวจสอบสายส่งไฟฟ้าและจุดบกพร่องต่าง ๆ จากระยะไกลได้
นอกจากนี้ การให้บริการด้านดิจิทัลด้วยการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรด้านสายใยแก้วนำแสง ไซต์เครือข่าย และนวัตกรรมโซลูชันไอซีทีที่มีอยู่มากมาย ยังถือเป็นอีกหนึ่งเทรนด์สำคัญของการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลสำหรับบรรดาบริษัทด้านพลังงานไฟฟ้าทั่วโลกอีกด้วย
ทั้งนี้ หัวเว่ยได้ทำงานร่วมกับบริษัทด้านพลังงานไฟฟ้ากว่า 190 แห่งทั่วโลกในด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล ซึ่งในจำนวนนี้มีบริษัท 10 แห่งที่ติดใน 20 อันดับสูงสุดของภาคอุตสาหกรรมพลังงาน โดยโซลูชันของ หัวเว่ย ได้รับการนำไปใช้อย่างกว้างขวางในบริษัทด้านพลังงานไฟฟ้า
อาทิ Saudi Electricity Company, Turkish Electricity Transmission Corporation, การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคของประเทศไทย, SGCC และ CSG เป็นต้น
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานประชุม “Global Power Summit” สามารถดูได้ที่: https://e.huawei.com/topic/global-power-summit-2020/en/
ส่วนขยาย * บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ ** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) *** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก www.pexels.com
สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่ www.facebook.com/itday.in.th