กรุงศรี (Krungsri) ผนึกเครือข่ายพันธมิตรไทย-ญี่ปุ่น-อาเซียนจัดงานจับคู่เจรจาธุรกิจ ดันสตาร์ทอัพผงาดไกลเหนืออาเซียนพร้อมก้าวสู๋ระดับโลก…
Krungsri ผนึกเครือข่ายพันธมิตรไทย–ญี่ปุ่น–อาเซียน ดันสตาร์ทอัพสู่ระดับโลก
กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) ในเครือของ มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) หนึ่งในกลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดระดับโลก พร้อมด้วยเครือข่ายพันธมิตรทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ และองค์กรธุรกิจชั้นนำ ไทย-ญี่ปุ่น-อาเซียน อาทิ กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า
และอุตสาหกรรม (The Ministry of Economy, Trade and Industry: METI) ประเทศญี่ปุ่น สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) และ Techo Startup Center และ Khmer Enterprise หน่วยงานภายใต้กระทรวงเศรษฐกิจ และการคลังของประเทศกัมพูชา
จัดงาน Japan–ASEAN Startup Business Matching Fair 2023 งานจับคู่เจรจาธุรกิจสตาร์ทอัพ (Startup) ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในอาเซียน ในโอกาสฉลองครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียน-ญี่ปุ่น พร้อมไปกับส่งเสริมเศรษฐกิจการค้าระหว่างอาเซียน และญี่ปุ่น
ด้วยการเปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพดาวรุ่งมากกว่า 60 ราย จากเก้าประเทศ ได้แสดงศักยภาพต่อนักลงทุนมากกว่า 160 บริษัทชั้นนำจากหกประเทศ เพื่อสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน และต่อยอดการเติบโตให้ไปได้ไกลกว่าในระดับอาเซียน
ในโอกาสนี้ ฯพณฯ นายโอบะ ยูอิจิ อุปทูต สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ได้ให้เกียรติเป็นประธานในพิธี และกล่าวถึงความร่วมมือครั้งนี้ว่า การสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพถือเป็นหนึ่งเรื่องที่รัฐบาลญี่ปุ่นให้การสนับสนุน ซึ่งอยู่ภายใต้กลยุทธ์เรื่องการเปลี่ยนแปลงสู่ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมของญี่ปุ่น (GX Strategy)
และการส่งเสริมโมเดลเศรษฐกิจใหม่ BCG Model ของไทย และกุญแจสำคัญที่ช่วยให้งานครั้งนี้บรรลุผลสำเร็จคือ ความร่วมมือ เพื่อสร้างสรรค์ประโยชน์ร่วมกันอย่างแท้จริง (Co-creation) ซึ่งงานครั้งนี้รัฐบาลญี่ปุ่นพร้อมให้การสนับสนุนร่วมกับรัฐบาลไทย และภาคเอกชนทั้งในประเทศไทย และอาเซียน
เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ และร่วมส่งเสริมเศรษฐกิจระหว่างอาเซียน และญี่ปุ่น พร้อมเน้นย้ำถึงความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันระหว่างอาเซียน-ญี่ปุ่น ในวาระครบรอบ 50 ปี และจะสานต่อการทำงานร่วมกับภาครัฐ และภาคเอกชนไทย เพื่อต่อยอดความสัมพันธ์ให้ยั่งยืนต่อไป
ด้าน อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เผยถึงความสำคัญของการจั
และระหว่างภูมิภาค รวมถึงการส่งเสริมโมเดลเศรษฐกิ
ความสำคัญของดิ จิทัลสตาร์ทอัพต่อการเติ บโตทางเศรษฐกิจ
ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทั
สู่
ด้าน เคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่
ด้วยการสนับสนุนด้านเงินทุน ความรู้ด้านเทคโนโลยี และข้อมูลธุรกิจ จนสามารถต่อยอดการคิดค้นนวั
และด้วยประสบการณ์ในการจัดงาน Business Matching อันเป็นหนึ่งในบริการที่โดดเด่
สำหรับงาน Japan–ASEAN Startup Business Matching Fair 2023 นับเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้ผู้
อย่าง เฮลท์เทค มาร์เก็ตเพลส ฟินเทค โลจิสติกส์ และคาร์บอนเครดิต เป็นต้น ได้มาพบปะเจรจาการค้า และนำเสนอแผนงานธุรกิจกั
เกี่
และ Nham24 สตาร์ทอัพธุรกิจกลุ่มมาร์เก็
ภายในงานนอกจากจะมีกิจกรรมไฮไลต์ที่น่าสนใจอย่างการนำเสนอผลงานของสตาร์ทอัพ (Startup Pitching) ที่เหล่าสตาร์ทอัพจะได้นำเสนอแผนธุรกิจต่อหน้านักลงทุนเพื่อปูทางสู่การต่อยอดธุรกิจแล้ว ยังมีกิจกรรมการจับคู่เจรจาธุรกิจ (Business Matching) และบูธจัดแสดงจากผู้ประกอบการ และสตาร์ทอัพกว่า 60 ราย
โดย กรุงศรี ซึ่งเป็นสถาบันการเงินในกลุ่ม MUFG ที่มีความเชี่ยวชาญและเครือข่ายที่ครอบคลุมในประเทศญี่ปุ่น และภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะในด้านการสนับสนุน และลงทุนในเทคโนโลยีนวัตกรรม และสตาร์ทอัพ ซึ่งได้ใช้โอกาสนี้ในการช่วยผลักดันผู้ประกอบการ และสตาร์ทอัพให้ได้โชว์ศักยภาพ และความคิดสร้างสรรค์จากการริเริ่มธุรกิจที่ล้วนสอด
รับกับเทรนด์ของโลกที่แปรเปลี่ยนไป รวมถึงการพบปะกลุ่มนักลงทุนที่มีความพร้อมที่จะช่วยผลักดันให้สตาร์ทอัพที่มีศักยภาพได้เติบโตต่อไปโดยไม่จำกัดแค่ในตลาดอาเซียน ขณะเดียวกันก็ถือเป็นเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ที่ไม่ได้จำกัดเฉพาะการบริหารจัดการการเงิน แต่ยังรวมถึงความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่จำเป็นสำหรับธุรกิจอีกด้วย
“การจัดงานในครั้งนี้ นับเป็นอีกวาระสำคัญที่กรุงศรีได้แสดงจุดยืน และคำมั่นสัญญาที่จะก้าวสู่การเป็นสถาบันการเงินไทยที่เป็นที่หนึ่งในใจลูกค้า พร้อมเชื่อมโยงความต้องการของลูกค้าทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน ทั้งยังสะท้อนถึงวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ทางธุรกิจของกรุงศรีเกี่ยวกับการสร้างเครือข่ายธุรกิจ และความร่วมมืออันแข็งแกร่ง
ในภูมิภาคอาเซียน (ASEAN-Linked Business) ส่งเสริมการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน (ESG-Linked Business) และพร้อมเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ และบริการดิจิทัล (Digital & Innovation) เพื่อประโยชน์ต่อลูกค้าทั้งในประเทศไทย และอาเซียน อนาคตที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน” ยามาโตะ กล่าว
ส่วนขยาย * บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ ** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) *** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A
สามารถกดติดตามข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่ www.facebook.com/itday.in.th