R3 ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์เครือข่ายบล็อกเชน Corda Network ที่เป็นแพล็ตฟอร์มบล็อกเชนแบบเปิด (Open Source) ขยายตลาดสู่เมืองไทย เพื่อช่วยธุรกิจสร้างโอกาสใหม่ ๆ…
R3 ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์เครือข่ายบล็อกเชน Corda Network ประกาศพร้อมขยายตลาดสู่ไทย
อาร์ 3 บริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยีบล็อกเชนสำหรับธุรกิจแนวใหม่ พร้อมรุกตลาดเครือข่ายของเมืองไทยด้วย คอร์ดา เน็ตเวิร์ก (Corda Network) บล็อกเชนอีโคซิสเต็ม (Blockchain EcoSystem) ซึ่งถือเป็นระบบเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ โดย คอร์ดา เน็ตเวิร์ก คือ แพล็ตฟอร์มบล็อกเชนแบบเปิด (Open Source)
ที่ช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ สามารถทำธุรกรรมได้เองโดยตรงและมีการรักษาข้อมูลส่วนตัวอย่างเข้มงวด ผ่านกระบวนการทางดิจิทัลแบบ Smart Contracts ซึ่งช่วยลดต้นทุนของการทำธุรกรรมและการจัดเก็บข้อมูล ตลอดจนยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น
อาร์ 3 พร้อมช่วยสนับสนุนการทำงานของอีโคซิสเต็มที่กำลังเติบโตในธุรกิจมากกว่า 350 ประเภท รวมถึงผู้พัฒนาระบบอีกหลายพันรายในภาคธุรกิจต่าง ๆ ซึ่งกำลังผลักดันการประสานความร่วมมือของอุตสาหกรรมหลายประเภทบนแพล็ตฟอร์มคอร์ดา ผ่านการพัฒนาแอปพลิเคชั่นใหม่ที่ใช้ชื่อว่า CorDapps
ซึ่งการร่วมมือกับสถาบันต่าง ๆ ทำให้บริษัทได้ทำการสำรวจ และนำระบบบล็อกเชน หรือเทคโนโลยีระบบบันทึกรายการธุรกรรมดิจิทัลบนคอมพิวเตอร์หลายเครื่องในเวลาเดียวกัน (Distributed Ledger Technology: DLT) มาใช้ เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากการใช้ในโลกธุรกิจ
อาทิ ปัญหาด้านต้นทุน ความเหมาะสมในการทำงาน ประสิทธิภาพและการสร้างผลกำไร โดยนับตั้งแต่เปิดตัวในปี ค.ศ. 2014 แพล็ตฟอร์มนี้ได้ถูกนำไปใช้งานโดยหลายบริษัท เช่น Intel, Marco Polo, Mastercard, Microsoft, Nasdaq และอีกหลายแห่ง
โดยแพล็ตฟอร์มคอร์ดาของ อาร์ 3 จะทำให้องค์กรต่าง ๆ สามารถสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน ผ่านการนำเสนอแนวทางใหม่ในการทำธุรกิจ ช่วยเพิ่มรายได้ผ่านการสร้าง และใช้มาตรฐานเครือข่ายใหม่ และมอบความเชื่อมั่นที่เหนือกว่าให้แก่พันธมิตรคู่ค้าทุกฝ่าย
สำหรับในประเทศไทย อาร์ 3 มุ่งมั่นนำเสนอการใช้เครือข่ายคอร์ดาเพื่อสร้างความเรียบง่ายในขั้นตอนทางธุรกิจ ยกระดับการทำงานด้วยระบบอัตโนมัติ และสร้างโอกาสทางธุรกิจรูปแบบใหม่ ๆ โดย ปัจจุบัน อาร์ 3 มีส่วนร่วมในโครงการอินทนนท์ (Project Inthanon)
ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทย และสถาบันทางการเงินชั้นนำหลายแห่ง เพื่อการแสวงหาประโยชน์จากการใช้สกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (Central Bank Digital Currency: CBDC)
โครงการซึ่งเพิ่งเสร็จสิ้นการดำเนินงานระยะ 3 นี้ ถือเป็นหลักชัยสำคัญในการประสานความร่วมมือของธนาคารชั้นนำทั้ง 8 แห่งในโครงการ นับว่า อาร์3 ได้พลิกโฉมวงการสินเชื่อการค้าต่างประเทศ และอุตสาหกรรมห่วงโซ่อุปทานในประเทศไทย
โดยธนาคารไทยพาณิชย์กำลังดำเนินการสร้างแพล็ตฟอร์มเพื่อการบริหารห่วงโซ่อุปทานบนแพล็ตฟอร์มคอร์ดาของ อาร์3 อยู่ในขณะนี้
“ประเทศไทยกำลังแซงหน้าเพื่อนบ้านในภูมิภาคเดียวกัน และปูทางไปสู่การเป็นศูนย์รวมด้านนวัตกรรมดิจิทัล (Digital Innovation Hub) แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”
มร.อามิต กอช ผู้อำนวยการ อาร์ 3 ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า เรากำลังพยายามขยายเครือข่ายของเรากับธนาคารในประเทศไทยเพื่อการพัฒนาระบบเงินตรา และการชำระเงินแบบดิจิทัล รวมถึงร่วมมือกับผู้นำทางธุรกิจรายใหญ่
อาทิ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไทยพาณิชย์ ปูนซิเมนต์ไทย รวมไปถึงในภาคอุตสาหกรรมอื่น ๆ ได้แก่ ธุรกิจการค้า ห่วงโซ่อุปทาน ประกันภัย และตลาดทุน และการชำระเงิน เป็นต้น
ส่วนขยาย * บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ ** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) *** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก www.pexels.com
สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่ www.facebook.com/itday.in.th