กลับมาอีกครั้ง!! สำหรับสมาร์ทโฟนกล้องเทพระดับตำนาน Huawei P Series กับ Huawei P50 Pro ที่ขนฟังก์ชั่นการใช้งานแบบจัดเต็มไม่มีกั๊ก…
ใครที่เคยใช้งานสมาร์ทโฟนจาก หัวเว่ย คงจะคุ้นชินกับสมาร์ทโฟนในตระกูล P Series จากค่าย หัวเว่ย ที่ เคยสร้างปรากฏการณ์ของการถ่ายภาพที่สีสวย ภาพคมชัด ในแบบที่กล้องถ่ายรูปยังต้องอาย แถมยังเคยสร้างความฮือฮากับระบบซูมที่ไปได้ไกลชิ้นที่เก็บภาพดวงจันทร์กันมาแล้ว และเพื่อไม่ให้แฟน ๆ ของ หัวเว่ย ในไทยต้องรอนาน หัวเว่ย ได้ปล่อยสมาร์ทโฟนในตระกูล P Series รุ่นใหม่ล่าสุด อย่าง Huawei P50 Pro และ Huawei P50 Pocket ออกมาเมื่อปลายเดือนมกราคม 2565 ที่ผ่านมา
โดยผสานความงาม และเทคโนโลยี ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็น กล้องหลัง Leica 4 เลนส์ และเทคโนโลยีเพื่อกล้องถ่ายรูป อาทิ XD Optics และ XD Fusion Pro Image Engine ซึ่งในครั้งนี้ทาง ITday เอง ได้รับเครื่อง หัวเว่ย P50 Pro มาทดสอบ และลองใช้งาน ซึ่งถ้าทุกคนอยากรู้ว่า หัวเว่ย P50 Pro (Golden Black) มีดียังไง ลองไปอ่านรีวิวแบบไม่อวย ส่วนไหนดีก็ว่าดีส่วนไหนไม่ดีก็ว่ากันตามตรง กันเลยครับ
Review : Huawei P50 Pro การกลับมาของสมาร์ทโฟนกล้องเทพระดับตำนาน
หัวเว่ย P Series ตำนานที่กลับมาใหม่อีกครั้ง!! โดยเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา หัวเว่ย ได้วางจำหน่าย หัวเว่ย P50 Pro และ หัวเว่ย P50 Pocket ในตลาดไทยอย่างเป็นทางการ โดยชูความโดดเด่นของการผสมผสานความงาม และเทคโนโลยี รวมถึงการถ่ายภาพที่อัจฉริยะไว้
ด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ XD Optics และ XD Fusion Pro Image Engine ทำให้รองรับเทคโนโลยี True–Chroma Shot ที่ช่วยผสานซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์ ทำให้สามารถเก็บตกรายละเอียดภาพได้ในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งช่วยให้ภาพคมชัด สมจริง มากยิ่งขึ้น
และเป็นที่น่าดีใจว่าเจ้า หัวเว่ย P50 Pro นั้นยังคงใช้กล้องจาก Leica เหมือนยังรุ่นพี่ ในรุ่นก่อนหน้านี้อยู่ ทำให้มั่นใจมากขึ้นว่ายังไง ๆ ภาพที่ออกมาก็ยังคงคุณภาพเสมอ อีกทั้งเมื่อรู้ตัวเลนส์ทั้ง 4 นั้น เป็น Leica ทั้งหมด และยังมาพร้อมกับ ระบบกล้อง Dual–Matrix Camera และ XD Optics
และ XD Fusion Pro Image Engine รวมถึงมี AI คอยเก็บทุกโมเมนต์ประทับใจ ถ่ายวิดีโอระดับ 4K และยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วทั้งแบบมีสาย และไร้สาย ก็ยิ่งน่าสนใจว่า หัวเว่ย P50 Pro นั้นจะดีแค่ไหน และจะยังสู้กับคู่แข่งได้ หรือเปล่า
สเปคข้อมูล (Specification) : หัวเว่ย P50 Pro
- สี : Golden Black และ Cocoa Gold (ในไทย) และเพิ่มอีก 2 สี ได้แก่ Pearl White, Charm Pink (ในต่างประเทศ)
- ขนาด : 158.8mm x 72.8mm x 8.5mm
- น้ำหนัก : 195 กรัม (รวมแบตเตอรี่)
- เชื่อมต่อโครข่ายสัญญาณ : 4G FDD LTE / 4G TDD LTE / 3G WCDMA / 2G GSM
- หน้าจอ : แบบ OLED ขนาด 6.6 นิ้ว ความละเอียด 2700 x 1228 pixels ให้สีได้สูงถึง 1,070 ล้านสี โดยมีอัตราการรีเฟรชเฟรมสูงสุด 120 Hz สัญญาณ PWM ความถี่สูง 1440Hz ให้ความเร็วในการตอบสนองต่อการสัมผัส 300Hz
- หน่วยประมวลผล : Snapdragon 888 4G Octa-core 1*Cortex-X1@2.84GHz + 3*Cortex-A78@2.42GHz + 4*Cortex-A55@1.8GHz Adreno 660
- หน่วยความจำภายในเครื่อง : 8 GB RAM + 256 GB ROM แบบ UFS 3.1 รองรับ microSD Card แบบ NM (Nano Memory) สูงสุด 256GB (ใช้ช่องเสียบ SIM ที่ใช้ร่วมกัน)
- ระบบปฏิบัติการ : HarmonyOS 2.0 , EMUI 12 (ไม่มีบริการ Google Play)
- รองรับการเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6 / dual-band / Wi-Fi Direct / hotspot / Bluetooth 5.2 / A2DP / LE / A-GPS. Up to quad-band : GLONASS (4) / BDS (4) /GALILEO (3) / QZSS (2) / NavIC / NFC / Infrared port / USB Type-C 3.1
- กล้องหลัง : 50MP True-Chroma Camera (Color, f/1.8 aperture, OIS) พร้อมเซ็นเซอร์ multi-spectrum colour temperature sensor 10 ระดับ / 40MP True-Chroma Camera (Monochrome) (MONO, f/1.6 aperture) / 13 MP, f/2.2, 13mm (ultrawide) / AF / 64MP Telephoto Camera SuperZoom ถ่ายภาพ Telephoto กับระยะซูมเข้าออกกว้าง 200 เท่า (-0.5x ถึง 100x) ที่มาพร้อมกับระบบกันสั่นแบบ OIS / 13 MP Ultra-Wide Angle Camera พร้อมเลนส์ถ่ายภาพมุมกว้าง ที่เก็บภาพได้ 120 องศา พร้อมการถ่ายภาพระยะใกล้เลนส์มาโครระยะห่างจากวัตถุแค่ 2.5 ซม. / dual-LED flash / panorama / HDR / รองรับการถ่าย Video 4K@30/60fps, 1080p@30/60fps, 1080p@960fps; gyro-EIS
- กล้องหน้า : 13 MP f/2.4 แบบ Wide Angle, f/2.4, autofocus / HDR รองรับการถ่าย Video 4K@30fps, 1080p@30/60/240fps
- รองรับระบบซิม : Single SIM (Nano-SIM) or Hybrid Dual SIM (Nano-SIM, dual stand-by) P68 dust/water resistant (up to 1.5m for 30 min)
- เสียง : ลำโพงคู่แบบสเตอริโอ (Stereo Speakers)
- ระบบความปลอดภัย : Fingerprint (under display, optical), accelerometer, gyro, proximity, compass, barometer, color spectrum / กันน้ำกันฝุ่น IP68
- แบตเตอรี่ : 4360 mAh + ชาร์จเร็ว 66W Wired SuperCharge (การชาร์จแบบมีสาย) และแบบไร้สาย 50W Wireless SuperCharge
- ราคา : 33,990 บาท
บรรจุภัณฑ์ / อุปกรณ์ภายในกล่อง
- อะแดปเตอร์แปลงไฟขนาด 66W
- สาย USB-C 3.1 gxHo Type-A
- เข็มจิ้มถาดซิม
- เคสใส
- คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
- ใบรับประกันสินค้า
การออกแบบ (design)
ตัวกล่อง (Packaging Design) จะเป็นโทนแนวสีขาวรอบกล่อง มี logo หัวเว่ย P50 Pro สีทอง อยูที่ด้านบน และ logo หัวเว่ย Explore It On AppGallery สีแดงที่ด้านล่าง ขณะที่ด้านข้าง (ซ้าย-ขวา) มี logo หัวเว่ย P50 Pro สีทอง เช่นเดียวกัน ด้านบนมีแต่ logo หัวเว่ยสีทอง ส่วนด้านท้าย มีหมายเลขซีเรียล, IMEI และแหล่งผลิตเป็นสติ๊กเกอร์แปะอยู่
เปิดตัวกล่องจะพบกับตัวเครื่องที่ถือว่าค่อนข้างยาวโดยมีขนาดหน้าจอ OLED กว้าง 6.6 นิ้ว ขอบโค้งมนแบบ 3D และไม่ค่อยแตกต่างกับ P30 Pro เท่าไร เรียกว่าแทบจะถอดแบบกันมาเลย หากมองแบบผิวเผิน ขณะที่ความบางถือว่าใกล้เคียงเช่นเดียวกันแต่จะดูบางกว่า P30 Pro นิดหน่อยเท่านั้น ด้านปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มเพาเวอร์ จะอยู่ที่ด้านขวา ในตำแหน่งเดียวกับ P30 Pro เลย
ขณะที่ช่องใส่ ซิม (Sim) ก็จะอยู่ในตำแหน่งด้านล่าง เช่นเดียว P30 Pro ซึ่งหากใครเคยใช้งานเจ้า P30 Pro ก็จะเข้าใจการใช้งานปุ่ม และช่องต่าง ๆ ได้ไม่ยาก แต่เดี๋ยวก่อน!! ใช่ว่าจะเหมือนกันไปหมดวามแตกต่าง และพิเศษนั้นจะอยู่ที่ด้านหลังตัวเครื่อง เพราะอย่างที่บอกว่า Huawei P Series นั้นโดดเด่นในเรื่องของกล้องถ่ายภาพ
ซึ่งเมื่อเราพลิกตัวเครื่องกลับมาดูที่ด้านหลังก็จะ พบว่า หัวเว่ย P50 Pro (Golden Black) นั้นดีไซน์ ออกมาค่อนข้างสวยเลย เราจะได้เห็นว่าตัวบอดี้จะเป็นดำเคลือบเงาสวยงาม ซึ่งตัดกับสีทองของ logo หัวเว่ย และ logo Leica ที่เป็นสีทอง ได้อย่างสวยงาม แม้ว่าหลาย ๆ คน คงอยากเถียงว่าใส่ เคสทึบก็ไม่เห็นแล้ว แต่ แอดมินว่าถ้าหากใส่เคสใสล่ะมันจะดึงดูดสายตาคนอื่นได้ดีทีเดียวเชียวหล่ะ
และยิ่งมองไปที่เจ้ากล้อง 2 วงใหญ่ ๆ ที่ตัดขอบด้วยสีทองด้วยแล้วล่ะก็ ถือว่าต้องมีเหล่มองกันบ้างล่ะ แต่แน่นอนว่า แม้ดูโดยรวมแล้วเจ้า หัวเว่ย P50 Pro (Golden Black) เครื่องนี้จะดูสะดุดตาอยู่ แต่แอดมิน กับอดห่วงเรื่องตัว เลนด์กล้องอยู่เหมือนกันว่ามันจะไปข่วนกับอะไรแล้วจะเป็นรอย หรือหากไม่ระวังก็อาจจะแตกได้เลย เพราะเท่าที่รู้ในตอนนี้ยังไม่เห็นมีคนทำเลนด์กันกระแทกออกมาช่วยเซฟ ซึ่งตัวคนใช้อาจจะต้องค่อนระวังตอนใช้งานด้วยจะเป็นการดีที่สุด
เอ้าหล่ะเราพูดถึงภายนอกกันไปแล้ว มาดูกันที่ตัวไฮไลน์ของ หัวเว่ย P50 Pro (Golden Black) เครื่องนี้กันเลย แม้ว่าตัวเครื่องอาจจะไมไ่ด้ดู Wow ขนาดนั้น แต่เรื่องของกล้องนี่ต้องขอบอกเลยว่ามีงามมาก ๆ เพราะตัวเครื่องนั้นมี กล้องวงแหวนคู่ในดีไซน์ Dual–Matrix Camera ซึ่งประกอบไปด้วยกล้อง 4 ตัว คือ
กล้องหลัก 50MP True–Chroma Camera (Color) พร้อมเซ็นเซอร์ multi–spectrum colour temperature sensor 10 ระดับเก็บภาพคมชัด ด้วย Super High–res Image Processing Engine ช่วยให้ภาพถ่ายที่สว่างขึ้น คมชัดขึ้น และมีกล้อง 40MP True–Chroma Camera (Monochrome) ช่วยเก็บรายละเอียดภาพจากกล้องหลักให้ครบสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
ขณะที่กล้อง 64MP Telephoto Camera SuperZoom ช่วยให้สามารถถ่ายภาพ Telephoto ได้ และมีระยะซูมเข้าออกกว้าง 200 เท่า (-0.5x ถึง 100x) ที่มาพร้อมกับระบบกันสั่นแบบ OIS ในตัวกล้องควบคู่กับเทคโนโลยีกันสั่นอัจฉริยะแบบ AIS เพื่อให้ภาพมีความนิ่ง เก็บทุกความเคลื่อนไหวได้คมชัดยิ่งขึ้น (อันนี้สุดจริง)
และยังมีกล้อง 13 MP Ultra–Wide Angle Camera พร้อมเลนส์ถ่ายภาพมุมกว้าง ทำให้เก็บภาพได้ถึง 120 องศา ส่วนเรื่องการถ่ายภาพระยะใกล้ ก็หมดห่วงเพราะมีเลนส์มาโครระยะห่างจากวัตถุแค่ 2.5 ซม. เรียกว่าใกล้มากที่เดียว นอกจากนี้ตัว หัวเว่ย P50 Pro (Golden Black) ยังใส่เทคโนโลยี XD Optics มาให้ด้วยทำให้สามารถเก็บรายละเอียดภาพถ่ายคมชัด
และยังพ่วงด้วย XD Fusion Pro Engine ที่รองรับ Super Filter System และเทคโนโลยี True–Chroma Display อัปเกรดระบบเซ็นเซอร์แสง ช่วยปรับสีอัตโนมัติเพื่อให้สีดูสมจริงมากยิ่งขึ้นกว่า 2,000 สี และเทคโนโลยี Super HDR ทำให้สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นนี้สามารถรองรับสเปกตรัมแสงได้แทบทั้งหมด นับเป็นครั้งแรกที่ได้ใช้เซ็นเซอร์ที่ทำงานได้เสมือนดวงตาของมนุษย์อีกด้วย
ขณะที่โหมดภาพถ่าย ระบบ AI Cinemagraph ช่วยประมวลผลปรับแต่งค่าต่าง ๆ ของกล้องให้ตรงกับโหมดภาพที่ถ่าย และยังมีอีกหลายโหมด รวมไปถึงยังมีโหมดใช้ถ่ายภาพเอกสาร ที่สามารถแปลงเป็นรูปได้อีกด้วย และสำหรับสายทำคอนเทนต์วีดีโอ เราสามารถใช้ หัวเว่ย P50 Pro (Golden Black) แทนกล้อง โกโปร (GoPro) หรือกล้อง DSLR ได้เลย
เพราะตัวเลนส์นั้นสามารถถ่ายวิดีโอความละเอียดระดับ 4K ได้เลย เพราะมีเลนส์ Telephoto พร้อมฟังก์ชัน Dual–View Video รองรับการถ่ายวิดีโอแบบ 4K ทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง และรองรับการถ่าย Slow Motion แบบ HD ได้เลย
และยังมาพร้อมกับ Story Creator ถ่ายวิดีโอจบครบฉับไวในโหมดเดียว พร้อมตัดต่อให้เสร็จสมบูรณ์แบบอัตโนมัติ และแอปพลิเคชัน PetalClip ซึ่งติดตั้งมาให้ในตัว มีหลากหลายเอฟเฟกต์ ธีม เพลง สติกเกอร์ให้เลือกใช้ เพียงเข้าไปที่วิดีโอนั้น ๆ และเลือกเมนู Edit ได้ในทันที และที่สำคัญตัวเครื่องยังรองรับคุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่นแบบ IP68 อีกด้วย
ตัวเครื่องเองก็ถือว่ามีประสิทธิภาพออกไปค่อนข้างดีเพราะมาพร้อมระบบปฏิบัติการ EMUI 12 ที่ใช้งานง่ายด้วยการใช้เมนู control panel ได้เพียงแตะตรงมุมขวาบนของหน้าจอ และลากลง ซึ่งสามารถควบคุมได้ทั้งการเล่นเพลง การเปิดปิดสัญญาณไวไฟ และบลูทูธ
รวมทั้งมีแท็บ Device+ (Super Device) ที่เพิ่มมาใหม่สำหรับการควบคุมการเชื่อมต่อกับหูฟัง แท็บเล็ต แล็ปท็อป สมาร์ทวอทช์ หน้าจออัจฉริยะ ลำโพง และแว่นตาของหัวเว่ย เพื่อใช้งานร่วมกันได้ อีกทั้งรองรับการใช้งาน หัวเว่ย Share เพื่อให้สามารถแชร์ไฟล์ ภาพ วิดีโอ และข้อมูลต่าง ๆ ระหว่างสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และแล็ปท็อปของหัวเว่ยได้สะดวกเรียกว่าไม่ถนัดหน้าจอมือถือก็หนีไปใช้งานบนแท็บเล็ต และแล็ปท็อป ได้เลย
อีกทั้งยังไม่ต้องกังวลว่าจะไม่สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องเพราะตัว หัวเว่ย P50 Pro (Golden Black) มาพร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 66W Wired หัวเว่ย SuperCharge เมื่อใช้กับการชาร์จแบบมีสาย และรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบไร้สาย 50W Wireless หัวเว่ย SuperCharge จึงทำให้แม้ว่าแบตเตอรีจะมีขนาดเพียง 4360 mAh ก็ไม่ใช้ปัญหา
แต่ที่แอดมินแอบเสียดาย คือ ขนาด RAM และ ROM ของ หัวเว่ย P50 Pro (Golden Black) จะมีให้เลือกเพียงตัวเลือกเดียวคือ 8GB + 256GB เท่าน้้น แม้ว่าจะเพิ่มหน่วยความจำได้ แต่ก็อาจไม่พอสำหรับคนชอบถ่ายภาพ เพราะฉะนั้นเวลาตั้งค่าขนาดภาพอาจจะต้องเลือกให้เหมาะสมกับงานที่ต้องการใช้ หรือไม่ก็พยายามดึงออกมาเก็บข้างนอกเครื่อง
ซึ่งเรื่องนี้ก็ทำได้ง่าย ๆ เพราะสามารถใช้ หัวเว่ย Share ดึงไปเก็บบนแล็ปท็อป ที่เราสามารถโยนไปเก็บใน ฮาร์ดดิสก์พกพา (External Harddisk) ก็ยังได้ ส่วนอีกเรื่องก็คงเป็นเรื่อที่ หัวเว่ย P50 Pro (Golden Black) ยังเป็นระบบปฏิบัติการ EMUI 12.0.1 ยังไม่ใช่ HarmonyOS แต่จากที่ลองใช้งานก็พบว่ามีความลื่นกีพอสมควร และเพราะฟีเจอร์ Super Device มาช่วย
และยังสามารถปรับอัตรา Refresh Rate หน้าจอได้สูงสุดที่ 120Hz ทำให้เล่นเกมส์ได้อย่างลื่นไหล แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า หากเปิดใช้งานที่ 120Hz ตลอดเวลาก็จะสิ้นเปลืองแบตเตอรี่มากเลย และอย่างที่ทราบกันว่าสมาร์ทโฟนของ หัวเว่ย ไม่มี Google Mobile Service เพราะสหรัฐฯ ไม่ยอมให้ หัวเว่ย ใช้
*ขออภัยภาพวีดีโอไม่ชัดเนื่องแอดมินลืมเลือกความละเอียดตอนอัพโหลดครับ ซึ่ง File ต้นฉบับลบไปล้ว (T__T)
แต่หัวเว่ยก็มี หัวเว่ย Mobile Service และ หัวเว่ย AppGallery ที่ช่วงหลัง ๆ เริ่มมี แอปฯ ใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้นแล้ว ก็พอถูไถใช้งานได้ไม่ได้แย่มาก เพียงแต่คนที่ใช้บริการ Google Mobile Service ต่าง ๆ อาจจะหงุดหงิดได้
แต่เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งตกใจเพราะ หัวเว่ย เอง ก็แสบใช่ย่อย ล่าสุดทำแอปฯ ที่ชื่อ Gspac ขึ้นมา ทำให้ใช้ แอปฯ ต่าง ๆ จาก Google Mobile Service ได้แล้ว ส่วนจะใช้ยังไงแอดมินอยากให้ไปลองเอา เพราะเด๊่ยวจะชี้โพรงให้เกิดปัญหาตามมาป่าว ๆ
*ขออภัยภาพวีดีโอไม่ชัดเนื่องแอดมินลืมเลือกความละเอียดตอนอัพโหลดครับ ซึ่ง File ต้นฉบับลบไปล้ว (T__T)
ส่วนเรื่องความปลอดภัย ก็ไม่ต้องห่วงเพราะ หัวเว่ย P50 Pro (Golden Black) มาพร้อมระบบความปลอดภัยไบโอเมตริก 2 อย่าง ได้แก่ สแกนลายนิ้วบนหน้าจอ (Fingerprint) ที่จดจำลายนิ้วมือได้ 5 แบบ และ สแกนใบหน้า (Facial Recognition) ซึ่งสามารถจดจำใบหน้าได้ 2 แบบ
ส่วนเรื่องการชาร์จแบตเตอรี่ก็รองรับการชาร์จเร็วผ่านสาย 66W และไร้สาย 50W แอดมินได้การทดสอบแบบชาร์จผ่านสาย 66W ถือว่าในเวลาไม่ถึงชั่วโมงแบตเตอรี่ก็เต็มแล้ว ส่วนไร้สาย 50W นั้นไม่ได้ลองเพราะไม่มีอุปกรณ์ (555) ตัวประมวลผลของ หัวเว่ย P50 Pro (Golden Black) ใช้ชิป Snapdragon 888 ที่ให้ความเเรงได้ดีระดับหนึ่ง แต่น่าเสียดายรองรับเครือข่ายแค่ 4G เท่านั้น
ข้อสรุปการใช้งานหลังจากทดสอบ
หลังจากที่ได้ทดลองใช้งานมากว่า 3 สัปดาห์ ต้องยอมรับว่า หัวเว่ย P50 Pro (Golden Black) นั้นยังคงรักษามาตรฐานของ หัวเว่ย P Series ไว้ได้เป็นอย่างดี เรื่องของความโดดเด่นของกล้องถ่ายภาพก็พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ ฉีกหนีจากรุ่นก่อน ๆ และคู่แข่งหลาย ๆ ราย ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพ หรือถ่ายวีดีโอ ขณะที่ ประสิทธิภาพหน้าจอ ก็ให้สีสันสวยงาม และลื่นไหลทุกการใช้งาน มีการออกแบบ UI ให้ใช้งานง่ายมากขึ้น
ด้านฟังก์ชั่นการใช้ และประสิทธิภาพถือว่าทำออกมาค่อนข้างดี แม้ว่าจะใช้ชิป Snapdragon 888 5nm แต่รองรับเครือข่ายแค่ 4G เท่านั้น (สิ่งนี้คนที่อยากใช้ 5G ไม่น่าปลื้ม) แต่ในความเห็นส่วนตัว แอดมิน อยากจะบอกว่าหากจะใช้งานเเค่ปกติทั่วไปอย่าง เล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลงสตรีม ความเร็วระดับ 4G นั้นก็เหลือเฟือแล้วครับ ไม่ได้ขี้เหล่เลย แต่ที่น่าเป็นห่วงคือตัวเครื่องค่อนข้างจะร้อนเร็วไปหน่อย เมื่อใช้งานต่อเนื่องนาน ๆ ในสภาพอากาศข้องนอก้บาน
ข้อดี–ข้อเสีย
ข้อดี
- OLED ขนาด 6.6 นิ้ว ความละเอียด 2700 x 1228 pixels ให้สีได้สูงถึง 1,070 ล้านสี
- ระบบปฏิบัติการ EMUI 12 ที่ใช้งานง่าย
- ปลอดภัยมากขึ้นด้วยระบบสแกนลายนิ้วมือ และ สแกนใบหน้า
- ประมวลผลทรงพลังสุดขีดจาก Snapdragon 888
- กล้องคุณภาพสูง 4 ตัว จาก Leica
- รองรับการถ่ายวิดีโอแบบ 4K ทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง
- สามารถปรับอัตรา Refresh Rate หน้าจอได้สูงสุดที่ 120Hz
- เทคโนโลยีชาร์จเร็ว 66W Wired
- กับฟังกงชั่น Game Mode ที่ใส่มาในตัวเครื่องเหมือนโอเวอร์คล็อกให้ในตัว
- มีแท็บ Device+ (Super Device) สำหรับการควบคุมการเชื่อมต่ออุปกรณือื่น ๆ ของหัวเว่ย
- แบตเตอรี่เยอะผ่านเกณฑ์มาตรฐานสำหรับเครื่องสมาร์ทโฟนสำหรับเล่นกม
- รองรับการใช้งานซิมการ์ดแบบ NanoSIM 2 ซิม
ข้อเสีย
- ตัวเครื่องไม่กันคราบมัน
- เลนด์ที่ยืนออกมาจากตัวเครื่องค่อนข้างเยอะทำให้เสี่ยงแตกได้
- ไม่รองรับ 5G
ส่วนขยาย * บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ ** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) *** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A
สามารถกดติดตามข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่ www.facebook.com/itday.in.th