Huawei FreeBuds4i หูฟังไร้สายรุ่นใหม่ล่าสุดที่ช่วยสัมผัสมิติใหม่ของความเงียบสงบด้วย ANC ไมโครโฟนแยกแยะเสียงแม่นยำ และใช้งานได้ยาวนาน…
ใครที่เป็นแฟนคลับของหูฟังจากแบรนด์ของหัวเว่ยคงได้ทราบข่าวกันไปตั้งแต่ช่วงต้นเดือน กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมากันไปแล้วว่า Huawei ได้เปิดตัวหูฟังไร้สายรุ่นใหม่แบบ In-Ear รุ่นใหม่ล่าสุด อย่างเจ้า หัวเว่ย ฟรีบัส 4i (Huawei FreeBuds 4i) โดยจัดหนักจัดเต็มกับด้วยการใส่เทคโนโลยีมาแบบไม่หวง ในราคาเบา ๆ จนทำให้มียอดขายในจีนถล่มทลายในช่วงต้นเดือน มียาคม ที่ผ่านมา ซึ่งวันนี้เจ้า หัวเว่ย ฟรีบัส 4i พร้อมเข้ามาให้เราได้ใช้กันแล้วในประเทศไทยวันนี้ ซึ่งหากยังสงสัยว่า หัวเว่ย ฟรีบัส 4i นั่นมีดียังไงทำไมถึงมียอดขายถล่มทลาย ลองอ่าน “รีวิว” กันได้เลยครับ
Review : Huawei FreeBuds 4i สเปคเทพรองรับ ANC ฟังเพลงได้ลื่นไหลไร้ลื่นไม่มีสะดุด
หลังจากที่ได้ทดสอบ และทดลองใช้ หัวเว่ย ฟรีบัส 4i นี่คือหูฟังไร้สาย (true wireless) ที่จะมายกระดับประสบกาณ์การฟังที่เหนือระดับกับคุณภาพเสียงคมชัด ไม่ว่าจะเป็นในด้านของการฟังที่ใส่เทคโนโลยี Active Noise Cancellation (ANC) ที่ตัดเสียงรบกวนได้อย่างเหนือชั้น
หรือการพูดมาพร้อมไมค์คู่ซึ่งใส่เทคโนโลยี Beamforming ที่ทำงานร่วมกับ AI Noise Reduction ลดเสียงรบกวนจากลม ช่วยให้รับเสียง และแยกแยะเสียงได้แม่นยำ ที่แค่เกริ่นก็พูดได้ว่า หัวเว่ย มอบควาคุ้มค่าให้กับผู้ใช้งานแบบจัดเต็ม ไม่มีหวงเทคโนโลยีกันเลยทำให้สามารถใช้ได้หลากหลายโอกาส ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่วไป
ในที่สังสรรค์ หรือจะใช้ในระหว่างเดินทางก็ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด เพราะดีไซน์ก็ออกแบบมาให้ดูเป็นแฟชั่นมากขึ้นทำให้สวยงาม เวลาหยิบขึ้นมาใช้ก็โดดเด่นสะดุดตา และด้วยรูปทรง 3 มิติที่ออกแบบให้เข้ากับรูปทรงของใบหู ทำให้สวมใส่ใช้งานได้สะดวกสบาย โดยที่ตัวหูฟังแต่ละข้างยังสามารถควบคุมแบบสัมผัส
เพื่อควบคุมการเล่นเพลง หรือใช้ รับขวางสาย สำหรับการสนทนาได้ อีกทั้งยังมาพร้อมกับเซ็นเซอร์ตรวจจับการสวมใส่ เชื่อมต่อไร้สายฉับไวด้วยเทคโนโลยี Bluetooth 5.2 อีกด้วย ระยังรองรับการใช้งานได้ยาวนานกว่า 10 ชั่วโมง เมื่อเปิดใช้งาน ANC และ 22 ชั่วโมง เมื่อใช้งานร่วมเคสชาร์จ อีกทั้งยังรองรับการชาร์จเร็วอีกด้วย
ซึ่ง หัวเว่ย ฟรีบัส 4i นี้จะมีให้เลือกด้วยกัน 3 สี ได้แก่ สีดำ (Carbon Black), สีขาว (Ceramic White) และสีแดง (Red Edition) ซึ่งวันนี้แอดมินได้ เจ้า ฟรีบัส 4i สีแดงมามาทดสอบครับ ว่าแล้วมาลองไปดูรายละเอียดตัวเครื่องกันเลยดีกว่า
สเปคข้อมูล (Specification) : หัวเว่ย ฟรีบัส 4i
- ขนาด : 61.8 มม. X 48 มม. X 21มม. (รวมเคสชาร์จ)
- น้ำหนัก : 11 กรัม (หูฟัง 2 ข้าง) / 36.5 กรัม
- สี : Ceramic White, Carbon Black, Red Edition
- ไดรเวอร์ : 10 มม. (ไดนามิก)
- ระบบตัดเสียงภายนอกระหว่างการฟัง : รองรับ (2 Feedforward Mics)
- ระบบตัดเสียงภายนอกระหว่างโทรศัพท์ : รองรับ (2 Mic + Beamforming + AI Algorithm)
- ระบบเสียงต้านเสียงลม : รองรับ
- การรับรู้สิ่งรอบตัว : รองรับ
- แบตเตอรี่ : Lithium polymer แบบถอดออกไม่ได้
- ความจุแบตเตอรี่ : 55 mAh (หูฟังไร้สาย) / 215 mAh (เคสชาร์จ)
- ระยะเวลาในการใช้งาน : 10 ชม. เมื่อเปิดการใช้งาน ANC / 6.5 ชม. เมื่อเปิดการใช้งาน ANC
- การชาร์จ : ผ่านสาย USB Type-C (1 ชม. สำหรับหูฟัง / 1.30 สำหรับเคสชาร์จ)
- มาตรฐาน (กันน้ำ) : IP54
- การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.2 (รองรับการจับคู่อัตโนมัติ และระบบตรวจจับการสวมใส่)
- ราคา : 2,799 บาท
- วันจำหน่าย : 24 มีนาคม 2564
*พิเศษ : ผู้ที่จับจอง รับ หัวเว่ย ฟรีบัส 4i เคส มูลค่า 299 บาท เมื่อซื้อสินค้าที่หน้าร้าน หัวเว่ย Experience Store และร้านตัวแทนที่ร่วมรายการ ตั้งแต่ 24 มีนาคม- 4 เมษายน 2564
บรรจุภัณฑ์ / อุปกรณ์ภายในกล่อง
การออกแบบแพคเกจจิ้ง (Packaging Design) ตัวกล่องสีขาวมีรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส พร้อม โลโก้ หัวเว่ย และชื่อรุ่นอุปกรณ์ ที่เป็นสีทอง ขณะที่ด้านข้างตัวกล่องนั้นจะเรียบไม่มีรายละเอียดของข้อความใดให้รกครับ ขณะที่ด้านล่างของฝาปิดจะระบุ ชื่อรุ่น, ซีเรียลนับเบอร์, วันผลิต, บาร์โค้ด
และสติ๊กเกอร์รับรองสินค้าจากหัวเว่ย ขณะที่ด้านหลังกล่องนั้นจะระบุข้อความได้แก่ชื่อรุ่น, มาตรฐานที่ผ่านการรับรอง ความสามารถของตัวเครื่องอย่างคร่าว ๆ และคิวอาร์โค้ด (QR Code) สำหรับใช้แสกนไปโหลดแอปพลิเคชั่น Huawei AI Life ครับ
- หูฟังไร้สาย
- ปลอกซิลิโคนหูฟัง 3 คู่
- เคสชาร์จ
- สายชาร์จ USB Type-C
- คู่มือการใช้งาน
- ข้อมูลความปลอดภัย
- ใบรับประกันสินค้า
การเชื่อมต่อตัวเครื่อง
ต้องโหลดแอปพลิเคชั่น Huawei AI Life มาก่อน ซึ่งเมื่อโหลดมาเรียบร้อยก็เปิดสัญญาณ บลูทูธ (Bluetooth) ที่ตัวเครื่อง และเข้าไปที่แอปพลิเคชั่น เพื่อเตรียมเชื่อมต่อครับ ซึ่งวิธีการใช้งานก็เพียงแค่แค่เปิดเคสชาร์จ แอปฯ ก็จะเจอตัวเครื่องแฃ้วครับ หรือถ้าไม่เห็นก็แค่กดปุ่มที่อยู่ด้านข้าง ๆ ด้านขวา ให้ไฟกระพริบเป็นสีขาว ตัวแอปฯก็จะเด้งถามขึ้น เข้าสู่การแจ้งเตือนเพื่อเชื่อมต่อ ฟรีบัส 4i กดตอบ “ตกลง“
ก็เชื่อมต่อเครื่องแล้วง่ายดายมาก ๆ หลังการเชื่อมต่อครั้งแรกเพียงครั้งเดียว หูฟังจะคอนเนคกับโทรศัพท์ หรือแท็บเล็ตอัตโนมัติ ซึ่งตัวเครื่องนั้นสามารถใช้งานได้ทุกระบบปฏิบัติการไม่ว่าคุณจะใช้ Android หรือ iOS แต่หากใช้สมาร์ทโฟนหัวเว่ยที่เป็น EMUI 10.0
โดยหูฟังทั้ง 2 ข้าง ยังมาพร้อมเซ็นเซอร์แบบสัมผัสที่ตอบสนองการควบคุมอย่างแม่นยำผสานอัลกอริธึมอัจฉริยะ ไม่ว่าจะเล่นเพลง โทรศัพท์ และตัดเสียงรบกวนก็สามารถทำได้ง่ายเพียงเอาปลายนิ้วสัมผัสที่ตัวก้านหูฟังด้านบนฝั่งซ้ายครับ โดยเมื่อแตะ 2 ครั้ง ก็จะสามารถสั่งให้ เล่นเพลง หรือ หยุดเล่นเพลงชั่วคราว ขณะที่เมื่อแตะ 2 ครั้ง ที่ตัวก้านหูฟังด้านบนฝั่งขวา ก็จะเป็นการ รับสาย หรือวางสาย หรือในโหมดเล่นเพลงก็จะเป็นการสั่งให้เป็นเล่นเพลงถัดไปครับ และเมื่อแตะค้างที่ตัวก้านหูฟังด้านบนก็จะเป็นการ เปิด หรือปิด ระบบตัดเสียงรบกวน ANC สลับ
ระหว่าง Awareness Mode ครับ ซึ่งการ ปิด-เปิด ของ ANC ได้ 3 รูปแบบ ด้วยกัน ได้แก่ การตัดเสียงรบกวนแบบเงียบสนิท, การตัดเสียงรบกวนแต่ยังคงรับรู้เสียงต่าง ๆ ได้เล็กน้อย และแบบสุดท้ายคือการเปิดการรับเสียงทุกอย่างเพื่อฟัง นอกจากนี้ภายในตัวแอปฯ ยังสามารถกำหนดการควบคุมให้เป็นไปตามที่ต้องการ
ซึ่งเมื่อเชื่อมต่อสำเร็จให้เราลองเข้ามาดู “การตั้งค่า“ เพื่อเช็ดว่าไปเปิดโหมดต่าง ๆ แล้วหรือยัง ไม่ว่าจะเป็น “การจรวจจับการสวมใส“, “การออกอากาศสัญญาณเสียง“ และ “เวอร์ชั่นล่าสุด“ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วตัวเครื่องที่มาจากโรงงานจะไม่ได้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดครับ ให้เรากด “ดาวโหลด และติดตั้ง“ เพื่ออัพเดทเวอร์ชั่นก่อนครับ ซึ่งขั้นตอนนี้จะใช้เวลาไม่นานมากเมื่อเสร็จแล้วตัวครื่องก็จะเชื่อมต่อเสร็จสมบูรณ์ครับ ซึ่งขั้นตอนนี้ “จำเป็นต้องเชื่อมต่อ Wi–Fi“ นะครับ
ขณะที่ตัว ไดร์เวอร์ไดนามิก (Driver dynamic) 10 มม. สามารถส่งมอบย่านความถี่เสียง (Frequency Response) พลังเสียงเบส หรือเสียงแหล่ม ทำให้ผู้ใช้งานสามารถรับฟังเพลงได้ดีในระดับที่เรียกว่าฟังเพลิน ๆ ได้เลยครับ ถ้าไม่ติดเบสหนักมาก ๆ เพราะต้องไม่ลืมว่าเจ้า ฟรีบัส 4i นั้นดูเหมือนจะถูกดีไซน์ให้เหมาะกับเพลงป็อบซะมากกว่าเมื่อพิจาณาจากขนาดของตัว dynamic ที่ใส่มาเพียง 10 มม. เท่านั้นเอง
แต่ก็ต้องบอกว่าไม่ขี้เหร่เลยสำหรับคุณบภาพเบส เพราะตัวเครื่องนั้นใส่เทคโนโลยีที่เรียกว่า PEEK+PU Composite diaphragm ทำให้เสามารถเก็บรายละเอียดของเสียงได้มีประสิทธิภาพในระดับที่ฟังกันได้เพลิน ๆ นอกจากยี้ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับไมโครโฟน 2 ตัว (Dual-mic) มาพร้อมดีไซน์แบบ Slit–duct ซึ่งใส่เทคโนโลยี Beamforming ที่ทำงานร่วมกับ AI Noise Reduction ลดเสียงรบกวนจากลม ช่วยให้รับเสียง และแยกแยะเสียงได้แม่นยำมากขึ้น
ด้านการใช้งานก็สามารถใช้งานได้ยาวนานมากขึ้นเมื่อชาร์จผ่านสายชาร์จ USB Type–C ซึ่งตัวแบตเตอรี่นั้นแบ่งเป็นที่ตัวหูฟังไร้สาย 55 mAh และที่ตัวเคสชาร์จ 215 mAh โดยเมื่อชาร์จไฟผ่านเคสชาร์จหูฟังรุ่นนี้สามารถชาร์จจนเต็ม 100% ได้ภายใน 60 นาที
สำหรับตัวเคสชาร์จสามารถชาร์จได้เต็ม 100% ภายใน 90 นาที พลังงานสำรองในตัวเคสชาร์จสามารถชาร์จแบตเตอรี่ในหูฟังได้อีก 22 ชั่วโมง ร่วมถึงยังรองรับการชาร์จเร็ว 10 นาที ก็ใช้งานได้นาน 4 ชั่วโมง ซึ่งหากไม่ได้ใช้ก็สามารถสแตนบายได้ยาว 200 วัน ขณะในส่วนของของชาร์จนั้นสามารถเสียบเข้าช่องชาร์จไฟทั้งผ่านอะแดปเตอร์ หรือเพาเวอร์แบงค์ก็ได้
การออกแบบ (design)
ด้านการดีไซน์ออกแบบตัวเครื่องนั้นถูกออกแบบให้มีรูปทรงคล้ายรูปทรงของหินบนหาดทรายสีดำ (Reynisfjara Black Sand Beach) สถานที่ท่องเที่ยวสุดน่าทึ่งของประเทศ ไอซ์แลนด์ แต่หากนึกภาพไม่ออกแอดมินแนะว่าลองไปเที่ยวที่ เกาะหินงาม ในไทยของอุทยานแห่งชาติตะรุเตา จังหวัดสตูล น่าจะเห็นภาพชัดเจนขึ้น
กลับมาที่ตัวเครื่องนั้นตัวหูฟังถูกออกแบบมาให้หยิบจับสะดวก เพราะมีขนาดกะทัดรัด และสวมใส่เข้าหูได้สบายไม่เจ็บหูเพราะออกแบบตามหลักสรีระ ซึ่งหากใครกลัวว่าจะเจ็บก็ไม่ต้องกังวลไปเพราะเท่าที่แอดเห็นตัวกล่องนั้นมียางหูฟังซิลโคนมาให้ด้วยกันถึง 3 ขนาด ได้แก่ ขนาด S, M และ L ทำให้เลือกใช้งานได้เหมาะสมตามสรีระของแต่ล่ะคน
ขณะที่ตัวเครื่องนั้นเป็นพลาสติกคุณภาพดีที่เคลือบเงามาทำให้สะท้อนแสงได้สวยงาม เรียกว่าสะดุดสายตาทุกครั้งเมื่อหยิบออกมาใช้งาน ซึ่งการเปิดฝาจากด้านบนก็ไม่ติดขัด เพราะทำออกมาให้ง่ายในการเปิด และปิด แต่ทั้งนี้ต้องระมัดระวังในการเปิดเนื่องจากตรงข้อต่อที่เป็นบานพับนั้นถูกซ่อนไว้ภายในตัวเครื่อง
ซึ่งหากเปิดไม่ระวังเเล้วเขี้นวที่ซ่อนอยู่ด้านในหักก็จะยุ่งยากในการหาอะไหล่ไม่ใช่น้อย แต่วิธีแก้ก็ไม่ยากครับเพราะเชื่อว่าไม่นานก็จะมีเคสออกมารองรับตัวเครื่องแน่นอน ซึ่งหากใส่เคสเพิ่มเข้าไปก็จะช่วยได้ทั้งเรื่องของการกระแทก กันรอยขูดขีด และการเผลอเปิดแบบไม่ระวังได้ในระดับหนึ่งเลย
สำหรับคนที่กังวลเรื่องน้ำหนักของตัวอุปกรณ์ ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลแต่อย่างใดเพราะตัว หัวเว่ย ฟรีบัส 4i มีน้ำหนักรวมกัน (หูฟัง+เคสเชาร์จ) เพียง 47.5 กรัม เท่านั้น ขณะที่กลายที่ตัวเครื่องนั้นใช้ สายชาร์จ USB Type-C ทำให้เราสามารถใช้สายชาร์จของโทรศัพท์ทีร่เราพกติดตัวแทนได้ หรือจะยืมเพื่อนก็ไม่ลำบาก นับว่าเป็นเรื่องฉลาดที่เดียวที่ หัวเว่ย ยังคงเลือกใช้ USB Type–C ในอุปกรณ์พกพาในผลิตภัณฑ์หลาย ๆ รุ่น
ข้อสรุปการใช้งานหลังจากทดสอบ
จากการทดสอบ และได้สัมผัสตัวเครื่องของ หัวเว่ย ฟรีบัส 4i แอดมินสรุปได้ว่าตัวเครื่องนั้นถือว่าเป็นอีกหนึ่งฟูฟังไร้สายที่ดีตัวหนึ่งของตลาด เริ่มจากดีไซน์ที่ออกแบบมาค่อนข้างดี มีการเลือกใช้สีที่โดดเด่น และเคลือบเงามาเป็นอย่างดีทำให้ดูโดดเด่นเวลาใช้งานตอบโจทย์การใช้งานสำหรับคนที่
ขณะที่การใช้เทคโนโลยีมาแบบไม่ค่อยหวง ก็ถือว่าตอบโจทย์ความคุ้มค่าอย่างแท้จริง อีกทั้งยังช่วยอำนวยให้ผู้ใช้ได้รับความสะดวกสบายในการใช้งานด้วย ไม่ว่าจะเป็น ฟังก์ชั่นในการควบคุมแบบอัตโนมัติ เมื่อถอดสายหูฟังออกจากหู ที่สามารถใช้เครื่อง ปิด หรือเปิด หรือการปรับแต่งได้ตามต้องการ หรือฟังก์ชั่นในการกรองเสียงในการพูด หรือการฟัง กับเสียงรอบข้างตัวก็ช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่สามารถสื่อสารได้ไม่ครบถ้วน
แต่อย่างไรก็ดีในการที่ตัวเครื่องมีควาสวยงาม และออกแบบมาให้บางลง รวมไปถึงเคลือบเงามา ก็เสี่ยงที่จะทำให้ผู้ใช้ที่ไม่ระมัดระวังทำหล่นจนเกิดความเสียหายได้ด้วยเช่นกัน ขณะที่การที่ใส่เทคโนโลยี ANC แม้ว่าจะดูล้ำแต่ก็อาจทำให้หงุดหงิดได้เช่นกันเนื่องจากเเบตเตอรี่จะหมดไว้เมื่อเผลอเปิดทิ้งไว้ แต่ด้วยความที่เป็นเครื่องที่สามารถชาร์จได้จากตัวเคสเองได้อีกทางก็ช่วยระยะเวลาเพียงพอต่อการใช้งานในหนึ่งวันแบบสบาย ๆ
ข้อดี
- มีระบบตัดเสียงรบกวน (Active Noise Cancellation หรือ ANC) ที่มาพร้อม ไมโครโฟน 2 ตัว (ปรับแต่ง และกำหนดได้ตามความต้องการ)
- ไดร์เวอร์ไดนามิก และ เทคโนโลยีที่เรียกว่า PEEK+PU Composite diaphragm ทำให้สามารถส่งมอบพลังเสียงเบสได้ดีขึ้น
- แบตเตอรี่ขนาด 55 mAh (หูฟังไร้สาย) / 215 mAh (เคสชาร์จ) ที่สามารถชาร์จได้เต็ม 100% ภายใน 90 นาที
- รองรับการชาร์จไฟได้แบบรวดเร็ว (Fast Charge) ผ่านสายชาร์จ SUB Type-C เพียง 10 นาที ก็จะสามารถใช้งานได้นานถึง 4 ชั่วโมง
- วัสดุที่ใช้ประกอบตัวเครื่องที่เป็นพลาสติกคุณภาพดี ค่อนข้างเรียบหรู และดูทนทาน
- ยุติสายสนทนา หรือเชื่อมต่อ แบบอัติโนมัติ เพียง ถอดหูฟังออกจากหู
- น้ำหนักรวมเบาเพียง (หูฟัง+เคสเชาร์จ) 47.5 กรัม
- สามารถสแตนบายได้ยาว 200 วัน
ข้อเสีย
- เบสดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า แต่ตัวเสียงแหลมก็ยังคงเด่นชัดกว่า
- ระยะการใช้งานแบตเตอรี่ ขึ้นอยู่กับการเปิด-ปิดฟังก์ชั่น ANC
- การเผลอเปิด ANC ไว้จะทำให้ระยะใช้งานเครื่องสั้นเนื่องจากกินพลังงาน และอาจทำให้เกิดอุบัตเหตุได้
ส่วนขยาย * บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ ** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) *** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก N/A
สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่ www.facebook.com/itday.in.th
[…] โดยเปิดให้ร่วมสนุกได้ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม-4 เมษายน 2564 โดยสามารถติดตามรายละเอียดกิจกรรมได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ HuaweiMobileTH และ JOOX Karaoke Thailand หรือหากสนใจ FreeBuds 4i สามารถอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่นี่ สามารถอ่าน Review ได้ที่ FreeBuds 4i สเปคเทพ […]